การพัฒนานวัตกรรม ไม่ได้ช่วยลดต้นทุนเพียงอย่างเดียว แต่แพลตฟอร์มที่ช่วยออกแบบและผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยังช่วยเพิ่มการเข้าถึงการรักษาที่ดีกว่าเดิม
Innovation Impact จะพาไปดูอีกหนึ่งนวัตกรรมสุดล้ำ เครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำ และระบบวางแผนการผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติของรูปหน้าด้วย AI และเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ผลงานของคนไทยที่เกิดจากการรวมตัวของวิศวกรคนกลุ่มเล็กๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่ทำงานวิจัยพื้นฐานเพื่อพัฒนาวัสดุเพื่อใช้ในการรักษา ก่อนเดินหน้าแยกธุรกิจบางส่วนของตนเอง ออกมาตั้งเป็นบริษัทใหม่ (Spin-off) ในชื่อ ออสซีโอแล็บส์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ช่วยออกแบบอุปกรณ์ผ่าตัดบริเวณใบหน้า ซึ่งใช้งานได้จริงกับผู้ป่วยแล้วกว่า 200 ราย
เทคโนโลยี AI ถือเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบ ที่ช่วยเรื่องความแม่นยำ ร่วมกับการออกแบบวัสดุให้เข้ากับร่างกายคนได้อย่างปลอดภัย ตามมาตรฐานการแพทย์รองรับ โดยวัสดุเทียมที่ถูกออกแบบขึ้นมาเฉพาะบุคคล เป็นอุปกรณ์การแพทย์ที่ไม่มีขายในท้องตลาด ข้อดีคือใกล้เคียงกับขากรรไกรของผู้ป่วย 100% ช่วยลดระยะเวลาผ่าตัด และทำให้อัตราการฟื้นตัวของคนไข้ดีขึ้น
“เทคโนโลยีปัจจุบันอาจจะไม่ได้เพอร์เฟค 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ทางทีมก็มีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง AI หรือว่าวัสดุใหม่ๆ ที่เอามาใช่ในอุปกรณ์การแพทย์” คณิช มงคลพันธ์ Cranio maxillo facial Design Head บริษัท ออสซีโอแล็บส์ จำกัด กล่าว และบอกว่า การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกอย่าง AI เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งประสิทธิภาพการใช้งาน และต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง
คณิช เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นในการพัฒนานวัตกรรม จากโจทย์งานวิจัยพื้นฐานด้านวัสดุที่ทำร่วมกับคณะทันตแพทย์ จุฬาฯ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อมองหาเทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วยประยุกต์ใช้กับการรักษาด้วยการผ่าตัดขากรรไกรในคนไข้กลุ่ม มะเร็งเนื้องอก ปากแหว่งเพดานโหว่ ซึ่งโซลูชั่นที่ออกแบบไว้ ทำให้สามารถผลิตวัสดุเทียมได้เองในประเทศ ช่วยลดระยะเวลาในการรักษา และช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง
ศุภกฤต เครือดวงคำ Craniomaxillo Social and Orthopedic Design Manager บริษัท ออสซีโอแล็บส์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ออสซีโอแล็บส์ทำงานโดยยึดมั่นใน 4 เทคโนโลยีหลัก คือ AI, 3D printing, Biomechanic และ Advance material ในการสร้างอุปกรณ์การแพทย์ที่มีรูพรุน ช่วยให้กระดูกสามารถเข้าไปเจริญเติบโต และใช้งานได้ตามปกติโดยไม่ต้องสูญเสียอวัยวะ
“ออสซีโอแล็บส์ เดินหน้าผลิตวัสดุเทียมมาแล้วมากกว่า 200 เคส ซึ่งในอนาคตเราหวังว่า เราจะสามารถผลิตได้ในอัตราเกือบ 2 เท่าในทุกๆ 2 ปี ซึ่งแน่นอนว่า AI จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้การสเกลของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยที่เรายังสามารถคุมค่าใช้จ่ายได้” ศุภกฤต กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เริ่มเข้าไปจดทะเบียนที่อเมริกา รวมถึงการออกบูธประชาสัมพันธ์ในประเทศแถบเอเชียอย่างสิงคโปร์ และยุโรป โดยมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต เพราะเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อสูง และมีการใช้เทคโนโลยีประเภทนี้อยู่ก่อนหน้า และด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยคนไทยให้อยู่ในระดับ Global scale จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก
พชรพิชญ์ พรหมอุปถัมภ์ CTO and Co-Founder บริษัท ออสซีโอแล็บส์ จำกัด กล่าวทิ้งท้ายว่า อย่างที่รู้กันว่าการทำนวัตกรรมที่เป็น Deeptech หรือ Healthtech นั้นต้องใช้เวลาในการพัฒนาและสร้างความเชื่อมั่น กว่าที่จะขยายสเกลและประสบความสำเร็จด้านการตลาด โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ที่ต้องใช้เงินลงทุนที่ค่อนข้างสูง การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ถือเป็นอีกหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่ทำให้บริษัทสตาร์ตอัปไทยสามารถพัฒนานวัตกรรมและต่อยอดออกสู่ตลาดได้ในอนาคต
โครงการพัฒนาเครื่องมือเพิ่มความแม่นยํา และระบบวางแผนการผ่าตัดแบบกึ่งอัตโนมัติ ในงานศัลยกรรมแก้ไขความผิดปกติของรูปหน้าด้วยกระบวนการพิมพ์สามมิติ โดยบริษัท ออสซีโอแล็บส์ จํากัด สามารถออกแบบอุปกรณ์ช่วยผ่าตัดด้วย training และ plate ยึดกระดูก โดยใช้ Machine Learning
ช่วยวิศวกรออกแบบชิ้นงานและสั่งพิมพ์ชิ้นงานผ่านเครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printer) ช่วยเปลี่ยนโลกได้ด้วยนวัตกรรมทางทางการแพทย์ (HealthTech) โดยสร้างมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมกว่า 1,000 ล้านบาท
มาร่วมกันหาคำตอบว่า ผลงานนวัตกรรมจะเปลี่ยนโลกได้อย่างไรในรายการ Innovation Impact ได้ทาง PPTV HD 36 รายการโชว์ข่าวเช้านี้ เวลา 08.20 – 09.30 น. และช่องทางโซเชียลมีเดียของ Techhub