ไทยใช้ AI พุ่ง สตาร์ทอัพขึ้นแท่น ทิ้งห่างบริษัทใหญ่

[น่ากังวล] เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา Amazon Web Services (AWS) ประเทศไทย ได้เผยผลการสำรวจน่าสนใจ พบไทยมีการใช้ AI ในภาคธุรกิจพุ่งสูงขึ้นถึง 33% ในปีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีความคล่องตัวสูง แต่ขณะเดียวกัน ฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับปรับตัวได้ช้ากว่า อาจนำไปสู่ “เศรษฐกิจสองระดับ” ที่นวัตกรรมกระจุกตัวอยู่แค่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแทน

แม้ภาพรวมการใช้ AI ในไทยจะดูสดใส โดยมีธุรกิจกว่า 600,000 รายนำ AI มาปรับใช้แล้ว แต่เมื่อเจาะลึกลงไปกลับพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ผลการศึกษาชี้ว่าธุรกิจส่วนใหญ่ 72% ยังคงใช้ AI ในระดับพื้นฐาน เช่น การปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อลดต้นทุน มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

แต่ในทางกลับกัน กลุ่มสตาร์ทอัพกลับมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจกว่ามาก โดยมีสตาร์ทอัพ 40% กำลังพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับมีเพียง 16% ที่ทำในสิ่งเดียวกัน SME ก็อยู่ที่ 9% เท่านั้น

นิค บอนสโตว์ (Nick Bonstow) ผู้อำนวยการจาก Strand Partners ที่ได้ร่วมศึกษาผลสำรวจนี้ ก็ชี้เลยว่าการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจ AI แบบสองระดับนี้ อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย เราไม่ควรพิจารณาเพียงตัวเลขการนำ AI มาใช้เท่านั้น เพราะอาจทำให้มองข้ามความท้าทายที่แท้จริงที่ธุรกิจไทยจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่

สำหรับอุปสรรคใหญ่ของช่องว่างนี้ ก็เกิดจาก ‘ทักษะรายบุคคลคน’ และ ‘ความไม่แน่นอนด้านกฎหมาย’ โดยผลการศึกษาได้ชี้ไปที่ 2 อุปสรรคหลักตามนี้

การขาดแคลนทักษะ (Skills Gap): เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด โดย 47% ของธุรกิจ ระบุว่า การขาดบุคลากรที่มีทักษะด้านดิจิทัลและ AI เป็นอุปสรรคสำคัญในการขยายการใช้งาน แม้จะมีเทคโนโลยีพร้อม แต่กลับหาคนมาใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดไม่ได้

ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ: แม้ภาคธุรกิจจะมองว่ากฎระเบียบด้าน AI ที่ชัดเจนจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า แต่ก็ยังมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎที่อาจสูงขึ้นในอนาคต

3 แนวทางปลดล็อกศักยภาพ AI ของประเทศไทย

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเศรษฐกิจแบบแบ่งแยก และช่วยให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์จาก AI อย่างเต็มที่ ผลการศึกษาได้เสนอ 3 แนวทางสำคัญที่ต้องทำร่วมกันตามนี้

  • ลงทุนพัฒนาทักษะอย่างตรงจุด: สร้างโครงการพัฒนาทักษะดิจิทัลที่เจาะจงกับแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อสร้างบุคลากรที่พร้อมสำหรับเศรษฐกิจยุค AI
  • สร้างกฎระเบียบที่ชัดเจนและเอื้อต่อนวัตกรรม: กำหนดกรอบกฎหมายที่คาดการณ์ได้ เพื่อให้ภาคธุรกิจกล้าลงทุนและประยุกต์ใช้ AI ในเชิงลึกมากขึ้น
  • ภาครัฐต้องนำก่อน: เร่งขับเคลื่อนการใช้ AI ในหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขและการศึกษา เพื่อเป็นต้นแบบและสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชน

คุณวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ AWS กล่าวสรุปว่า “ธุรกิจในไทยมีความตื่นตัวอย่างมากในการใช้นวัตกรรม AI แต่รายงานนี้ชี้ให้เห็นว่ายังมีอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศ ทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ”

การลงทุนจัดตั้ง AWS Asia Pacific (Thailand) Region ด้วยเม็ดเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการเดินหน้าโครงการพัฒนาทักษะบุคลากรอย่างต่อเนื่องของ AWS ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามอุปสรรค และปลดล็อกศักยภาพของ AI เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนต่อไป

ที่มา : AWS (Thailand)