ศึกภายใน พนักงาน EA เห็นต่าง ต้านใช้ AI พัฒนาเกม

[ไม่เห็นด้วย] เป็นที่ทราบกันดีว่า AI ถูกนำมาช่วยพัฒนาเกมอย่างจริงจังแล้ว ถึงขั้นมีวัดผลการใช้งาน AI ช่วยทำงานในบริษัทกันเลย เหมือนอย่างกรณีของ Electronic Arts หรือ EA บริษัทพัฒนาเกมชื่อดัง ที่ฝั่งผู้บริหารสั่งลุยการใช้ AI เต็มสูบ หวังลดต้นทุน แต่ทางพนักงานไม่เห็นด้วย ชี้ AI จะเพิ่มภาระมากกว่า หรือเสี่ยงถูกแทนที่ในอนาคต

Business Insider เปิดบทสัมภาษณ์พนักงาน EA หลายคน (แบบไม่เปิดเผยตัวตน) เผยบริษัทมีแผนลดต้นทุนการดำเนินงานครั้งใหญ่ หลังการเข้าซื้อจากกลุ่มนักลงทุน ที่นำโดย Public Investment Fund ของซาอุดีอาระเบีย ร่วมกับ Silver Lake และ Affinity Partners

ส่วนการลดต้นทุนดังกล่าว ก็ไม่พ้นการใช้ AI มาช่วยดำเนินงานประจำวัน จนถึงขั้นที่บริษัท ‘เพิ่มแรงกดดัน’ ให้พนักงานเกือบ 15,000 คน นำ AI มาใช้อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การใช้ Generative AI สำหรับการเขียนโค้ด การออกแบบคอนเซปต์อาร์ต (Concept Art) และแม้แต่งานด้านบริหารที่ละเอียดอ่อน

เพื่อเป็นยืนยัน ก็มีเผยเอกสารภายในที่ระบุถึงความคาดหวังให้พนักงาน ต้องผ่านการฝึกอบรม AI หลายโมดูล และใช้เครื่องมืออย่าง ReefGPT แชตบอตของบริษัทให้เป็นเหมือนที่ปรึกษาคนสำคัญ โดยทั้งหมดก็หวังให้มีการปรับปรุงขั้นตอนการทำงาน (Workflow) ให้มีประสิทธิภาพและผลิตงานได้มากขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทมีรายได้สุทธิลดลง 9.4% ในปีงบประมาณที่ผ่านมา และลดลง 28% ในไตรมาสสุดท้าย มาตรการลดต้นทุนแบบสุดซอยนี้จึงตามมา

ทางด้านพนักงานมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างนั้น Business Insider เผยเลยว่า “ตึงเครียด” เกิดเป็น Meme ล้อเลียนผู้บริหารภายในบริษัท ถึงคำสั่งให้ใช้งาน AI โดยไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ทั้งมองว่า AI จะทำให้ Workflow มีความยุ่งยากขึ้นแทนที่จะง่ายลง ตัวอย่างเช่น เคยมีพนักงานใช้ Gen AI ช่วยเขียนโค้ดเกม แต่สุดท้ายก็ต้องใช้คนมาแก้ไขด้วยตนเอง

ปัญหาถัดมาคือ “ความกลัว” โดยเฉพาะพนักงานฝ่ายออกแบบตัวละครและออกแบบด่าน ก็มีความกังวลว่าการนำ AI มาใช้นั้น จะเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการลดจำนวนพนักงานอย่างมีนัยสำคัญ เหมือนอย่างกรณีของ King บริษัทผู้สร้างเกมดังอย่าง Candy Crush ที่ได้เลิกจ้างพนักงานถึง 200 ราย โดยแทนที่ด้วยเครื่องมือ AI ที่เหล่าพนักงาน (ที่ถูกเลิกจ้าง) ช่วยพัฒนาขึ้นมาเอง

ในปี 2024 ที่ผ่านมา พบบริษัทพัฒนาเกมได้เลิกจ้างพนักงานถึง 14,600 ตำแหน่ง และจากข้อมูลของ Aldora Intelligence พบมีการจ้างงานในอุตสาหกรรมลดลงประมาณ 9% ในช่วงสองปี และมีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 318,000 คนทั่วโลก จากเคยจุดสูงสุดที่ 350,000 คน

ท้ายนี้ทางผู้บริหารของ EA ก็ยังมองว่า AI ช่วยให้บริษัทมีรายได้ต่อปีมากขึ้น และคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มผลผลิตด้วย ทว่า 40% ของพนักงานกลับรายงานว่ามีภาระงานหนักขึ้น

กรณีของ EA คือภาพจำลองที่สะท้อนถึง ‘สงครามเย็น’ ในที่ทำงานยุคใหม่ เป็นการต่อสู้ระหว่างประสิทธิภาพที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งถูกผลักดันจากเบื้องบนเพื่อลดต้นทุน กับความกังวลด้านจริยธรรม คุณภาพของงาน และความมั่นคงในอาชีพการงานจากคนจริง แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญ (อย่าง MIT) จะแนะนำให้ค่อย ๆ ผสาน AI เข้ามาโดยมีมนุษย์คอยกำกับดูแล แต่ดูเหมือนว่า EA ภายใต้แรงกดดันของเจ้าของใหม่ กำลังเลือกเส้นทางที่ก้าวร้าวและเสี่ยงกว่ามาก ซึ่งกำลังสร้างรอยร้าวที่ลึกซึ้งภายในองค์กร

ที่มา : Techspot