Tencent Cloud ธุรกิจคลาวด์ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกอย่าง Tencent ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Bitkub Group (บิทคับ กรุ๊ป) ผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยหลาย ๆ บริษัท ได้แก่ Bitkub Exchange (บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์) ผู้ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของไทยที่มีส่วนแบ่งปริมาณธุรกรรมมากกว่า 90% ในตลาดภายในประเทศ, Bitkub Academy (บิทคับ อะคาเดมี) ศูนย์กลางด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับประเทศ, Bitkub Blockchain Technology (บิทคับ บล็อกเชน เทคโนโลยี) ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน และบริษัทอื่น ๆ โดยความร่วมมือนี้จะผสานโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เทคโนโลยีฐานข้อมูล และความสามารถด้าน AI ของ Tencent Cloud เพื่อช่วยยกระดับศักยภาพด้านความปลอดภัยในการให้บริการของ Bitkub รวมถึงรองรับปริมาณการแก่ให้บริการ ผู้ใช้งานที่ทำการซื้อขายและจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น
ด้วยจุดแข็งในด้านการมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญด้านระบบคลาวด์ชั้นนำระดับโลก ตลอดจนมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด จึงทำให้ Bitkub ตกลงเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Tencent Cloud ซึ่งจะช่วยให้การเข้าถึงการสนับสนุนทางเทคนิคที่ดียิ่งขึ้น การบริหารความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยต้นทุนที่คุ้มค่า โดยความเชี่ยวชาญในระดับภูมิภาคของ Tencent Cloud นี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยตอบสนองความต้องการเหล่านี้
ความร่วมมือในครั้งนี้ Bitkub มุ่งที่จะนำเทคโนโลยีครบวงจรของ Tencent Cloud ไปใช้ในการดำเนินงานของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องการประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระดับสูง โดยมีโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายระดับโลกที่ยอดเยี่ยมเพื่อการเข้าถึงของผู้ใช้อย่างรวดเร็วและเสถียร การบริการจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้เพื่อการปกป้องข้อมูลที่แข็งแกร่ง และโซลูชันคลาวด์เนทีฟ เช่น Tencent Kubernetes Engine (TKE) ที่ช่วยให้เกิดนวัตกรรมที่รวดเร็วและรองรับปริมาณการใช้งานสูงได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ Bitkub จะได้รับประโยชน์จาก AMD-based compute instances และ Multi-availability Zone ซึ่งช่วยให้ระบบมีความพร้อมใช้งานสูงขึ้น พร้อมทั้งการกู้คืนจากเหตุขัดข้องที่ง่ายขึ้น และลดค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน
คุณ Jimmy Chen รองประธาน Tencent Cloud และรองประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Tencent Cloud International กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Tencent Cloud ในการส่งมอบโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ล้ำสมัยและเทคโนโลยีระดับสูง ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดของภาคส่วนคริปโทเคอร์เรนซีและ Web3 ในตลาดโลก ด้วยการมอบโซลูชันที่เหมาะกับความต้องการของธุรกิจ ปลอดภัย และคุ้มค่า เรามุ่งหวังที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของ Bitkub ให้สามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และเสริมความยืดหยุ่นในสภาพแวดล้อมสินทรัพย์ดิจิทัลที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว”
คุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (Bitkub Group) กล่าวว่า “การร่วมมือกับ Tencent Cloud ผู้นำที่ได้รับการยอมรับด้านเทคโนโลยีคลาวด์และ AI ช่วยให้เรายกระดับประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างมาก ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้ไม่เพียงเสริมความเป็นผู้นำของ Bitkub ในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีไทย แต่ยังสนับสนุนเป้าหมายการขยายตัวที่ทะเยอทะยานของเราอีกด้วย เรามีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะพลิกโฉมการเข้าถึงระบบการเงินรูปแบบใหม่ ผ่านนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตและเสริมพลังให้ผู้คนก้าวสู่อนาคตทางการเงินที่เปิดกว้างและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากขึ้น”
ในอนาคต Tencent Cloud และ Bitkub มีแผนที่จะขยายความร่วมมือด้านฐานข้อมูลประสิทธิภาพสูง เช่น TDSQL, Redis และ MongoDB เพื่อรองรับการทำงานในระดับ Mission-critical ของ Bitkub แพลตฟอร์ม Tencent Cloud Agent Development Platform (ADP) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพภายในและเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรม ขณะที่ CodeBuddy ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างโค้ดด้วย AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนาและคุณภาพของการให้บริการ โดยทั้งสองฝ่ายยังอยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมกันพัฒนาอีกหลากหลายด้าน รวมถึงโซลูชัน eKYC และ Tencent Cloud Risk Control Engine (RCE) เพื่อคุ้มครองสินทรัพย์ของผู้ใช้งานและลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นอีกด้วย
คุณ Jimmy Chen รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Tencent Cloud กล่าวบรรยายพิเศษในงาน Bitkub Summit 2025 เกี่ยวกับวิธีการที่เทคโนโลยีคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสำหรับระบบนิเวศ Web3
นอกจากนี้ Tencent Cloud ยังร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลัก (Title Sponsor) ของงาน BITKUB SUMMIT 2025 ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 25–26 ตุลาคมในปีนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับภูมิภาคในอุตสาหกรรม Web3
