[มาทำอะไร] เป็นเรื่องปกติหากมีคนมาสมัครงาน แต่จะไม่ปกติหากมาทีเดียวเป็นพ้น ๆ คน และมาจาก “เกาหลีเหนือ” ทั้งหมด แบบในข่าวล่าสุุดที่ Amazon พบผู้สมัครชาวเกาหลีเหนือ แห่ส่งใบสมัครงานออนไลน์เกือบ 2 พันราย แต่สุดท้ายก็โดนบริษัทบล็อกทั้งหมด เพราะดูต้องสงสัยเกินไป
Stephen Schmidt หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ Amazon เผยบริษัทได้สกัดกั้นผู้สมัครงานที่ต้องสงสัยว่าเป็นชาวเกาหลีเหนือกว่า 1,800 ราย หลังใช้ทั้ง AI ช่วยคัดกรองและมนุษย์ปิดท้าย โดยดักจับได้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 ทั้งพบมีความพยายามเพิ่มขึ้นถึง 27% ในทุกไตรมาสของปีนี้เลย
ส่วนผลการตรวจสอบก็พบผู้สมัครต้องสงสัยว่าเป็นชาวเกาหลีเหนือ โดยดูได้จากข้อมูลสมัครงานที่มีทั้ง ความไม่สอดคล้องกันทางภูมิศาสตร์ การตรวจสอบประวัติ , การยืนยันวุฒิบัตร , และการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง จนสุดท้ายก็พบว่าเป็น “ร่างทรง” ที่คนเกาหลีเหนือแอบเนียนสวมรอย ผ่านโปรไฟล์ LinkedIn ของพนักงานไอทีหรือวิศวกรซอฟต์แวร์ ที่เจ้าบัญชีตัวจริงไม่มีการเคลื่อนไหวมานานแล้วนี้เอง
จากนั้นก็จ้างหน้าม้าในสหรัฐฯ เพื่อให้มี IP Address และ Location ที่อยู่ในสหรัฐฯ จริง ๆ ต่อมาก็ทำการ Remote Desktop ให้คนเกาหลีเหนือล็อกอินเข้ามาทำงานแทน ทว่าสุดท้ายทาง Amazon เล็งเห็นค่า Latency ที่ดูผิดปกติ เมื่อเทียบกับการพิมพ์ข้อมูลหน้าเครื่องจริง จนนำไปสู่การบล็อกในที่สุด
สำหรับบริษัทที่เป็นกลุ่มเสี่ยงถูกเจ้าหน้าที่จากเกาหลีเหนือเพ่งเล็งมากที่สุด ก็มีทั้งหน่วยงานด้านการเงิน , สาธารณสุข และการบริหารงานสาธารณะ ส่วนวิธีป้องกันกลโกงเหล่านี้ได้คือ การตรวจสอบรายละเอียดแบบเจาะลึก เช่น ดูมหาวิทยาลัยที่ไม่มีหลักสูตรนั้นจริง ๆ หรือวันที่เข้าเรียนไม่ตรงกับตารางการศึกษา นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ เช่น การใช้รูปแบบการเขียนที่ไม่ค่อยใช้ในสหรัฐฯ อย่างการใส่รหัสประเทศ +1 ในเบอร์โทรนั้นเอง
ในปี 2025 การสัมภาษณ์งานผ่าน Zoom อาจไม่เพียงพออีกต่อไป บริษัทต่าง ๆ อาจต้องบังคับให้มีการเจอตัวจริงอย่างน้อยหนึ่งครั้ง หรือใช้เทคโนโลยีช่วยยืนยันเลยว่าคนที่มาสัมภาษณ์อยู่นี้ เป็นคนเดียวกับที่ยื่นใบสมัครจริง ๆ ครับ
ที่มา : Tomshardware
