ใช้ AI สวมรอย มิจฉาชีพปลอมเป็นนักศึกษา ยักยอกเงินทุนเรียนออนไลน์

[เป็นหนี้ไม่รู้ตัว] มิจฉาชีพมาได้ทุกรูปแบบจริง ๆ ยิ่งมี AI ก็ยิ่งติดปีก ล่าสุดมีรายงานพบมิจฉาชีพใช้ AI แอบสวมรอยเป็นนักศึกษา เพื่อลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรออนไลน์ของวิทยาลัยต่าง ๆ ก่อนแอบยักยอกเงินช่วยเหลือในท้ายที่สุด และทิ้งให้นักศึกษาตัวจริงต้องเผชิญกับการถูกขโมยข้อมูลส่วนตัว พร้อมกับหนี้สินที่ไม่ได้ก่อด้วย

สำนักข่าว The Associated Press ได้พูดคุยกับ Heather Brady นักศึกษาผู้โชคร้ายที่พบตำรวจมาหาถึงบ้าน และกล่าวหาตนเองแอบยักยอกทุนการศึกษา หลังมีข้อมูลปรากกฏการลงทะเบียนเรียน ในหลักสูตรออนไลน์ของวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่รัฐแอริโซนา

ด้าน Brady ปฏิเสธหนักแน่น เผยตนเองไม่เคยสมัครเรียนที่นั่น แต่เหมือนมีใครบางคนแอบนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ เพื่อขอรับเงินกู้เพื่อการศึกษากว่า 9,000 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 330,000 บาท) ซึ่งถูกเบิกออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลายเป็นหนี้แบบไม่รู้ตัว

Wayne Chaw อีกหนึ่งนักศึกษาผู้เคราะห์ร้ายจากวิทยาลัย De Anz พบข้อมูลส่วนตัวถูกนำไปลงทะเบียนเรียนออนไลน์ โดยถูกรู้ทั้งชื่อ ทั้งนามสกุล ไปจนถึงเลขประกันสังคม แถมถูกสวมรอยขอรับเงินช่วยเหลือเกือบ 1,400 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 46,000 บาท) ทั้งยังพบว่ามิจฉาชีพ AI รายนี้ มีการเนียนส่งการบ้านในชื่อของเขาเองด้วย

“มันกำลังพิมพ์ในฐานะผม พูดชื่อและนามสกุลของผม มันน่าขนลุกมากตอนที่ผมเห็น” Wayne Chaw กล่าวทิ้งทาย

Brittnee Nelson เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในรัฐลุยเซียนา ค้นพบว่ามีเงินกู้ถูกเบิกในชื่อตนเอง จากสถาบันที่ไม่เคยเข้าเรียนเลย แม้จะตรวจสอบเครดิตและปกป้องข้อมูลส่วนตัวอย่างดีแล้ว แต่ก็ต้องใช้เวลาถึง 2 ปี ในการลบหนี้ที่ไม่ได้ก่อนี้ออกไป ขนาดคนเป็นเจ้าของธุรกิจยังลำบาก แล้วเด็กนักศึกษาจะขนาดไหน

ด้านวิทยาลัยก็รับรู้ถึงปัญหานี้ จนมีบางวิทยาลัยให้สิทธิ์หน่วยงานรัฐบาลกลางช่วยอนุมัติเงินกู้แทนไปเลย และเพื่อตอบสนองต่อการฉ้อโกงที่พุ่งสูงขึ้นนี้ ทางกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐฯ ก็ได้ประกาศใช้มาตรการชั่วคราว ที่กำหนดให้ผู้สมัครขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางครั้งแรก ต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวที่ออกโดยหน่วยงานราชการเท่านั้น

“อัตราการฉ้อโกงผ่านการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ได้มาถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อโครงการเงินช่วยเหลือทางการศึกษาของรัฐบาลกลางแล้ว” กระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐฯ กล่าว พร้อมกำชับว่าหลังจากนี้จะมีการคัดกรองที่เข้มงวดมากขึ้น

…ทว่าจากการเลิกจ้างและการลดจำนวนคนในหน่วยงานล่าสุด (โดยรัฐบาลทรัมป์) ก็ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่น้อยลงในการช่วยเหลือ และสุดท้าย Heather Brady ก็ต้องเผชิญกับหนี้ 9,000 ดอลลาร์ฯ ที่ไม่ได้ก่อต่อไป

“หน่วยงานนั้นกำลังจะพังทลายและแตกสลาย จนไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว” Heather Brady กล่าวทิ้งทายอย่างเจ็บปวด และยอมรับว่าตนเองคงต้องติดแหง็กอยู่แบบนี้ไปอีกนาน ส่วนคำถามสุดท้ายคือ ข้อมูลส่วนตัวหลุดจากที่ไหน ? และทำไมถึงหลุดออกไปได้ ?

ที่มา : Techspot