ร่วมทำความรู้จักกับ Amity เทคคอมพานีสัญชาติไทย ที่พร้อมเปิดโอกาสให้พนักงาน สู่ประสบการณ์การเรียนรู้และเติบโตในสายเทค ร่วมทำงานกับทีมงานระดับโลก!

เอมิตี้ (Amity) ผู้ให้บริการโซลูชันด้านการสื่อสาร หรือ โซเชียลฟีเจอร์ (social features) แบบบูรณาการสำหรับองค์กร พร้อมขับเคลื่อนประสบการณ์แห่งโลกโซเชียล Amity เป็นบริษัทไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในบรรดาบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในยุโรป โดยติดอยู่ใน 150 อันดับแรกจากทั้งหมด 1,000 อันดับในรายการ FT 1000 ของไฟแนนเชียล ไทมส์ (Financial Times) ประจำปี 2022 การเติบโตแบบก้าวกระโดดครั้งนี้ Amity ยอมรับว่า ไม่ใช่สิ่งอื่นใด แต่เป็นเพราะความมุ่งมั่นเพียรพยายามของพนักงานทุกคนกว่า 200 ชีวิต จากกว่า 30 ประเทศ ที่ทำให้บริษัทสตาร์ทอัพไทยแห่งนี้ประสบความสำเร็จสู่ระดับสากลได้

Amity มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ True Digital Park กรุงเทพฯ รวมถึงสำนักงานอื่น ๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นมิลาน ลอนดอน และไมแอมี อีกทั้งยังมุ่งเน้นความหลากหลาย (diversity) ของบุคลากรทุกระดับ ประกอบไปด้วยแผนกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Engineering & Product, Marketing, People, Growth & Business Development, Business Support ไปจนถึง Technology & Professional Services

Amity เป็นเทคคอมพานีที่มีวัฒนธรรมองค์กรอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร เสมือนมหาวิทยาลัยนานาชาติที่นอกเหนือไปจากการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีที่ไม่มีวันสิ้นสุดแล้ว ก็ยังช่วยบ่มเพาะประสบการณ์การทำงานที่มุ่งสู่การพัฒนาร่วมกัน ตลอดจนความท้าทายต่าง ๆ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้พนักงานในองค์กรได้ relocate ไปทำงานที่สำนักงานของ Amity ในต่างประเทศ ซึมซับบรรยากาศร่วมกับทีมงานระดับอินเตอร์ที่มากไปด้วยประสบการณ์การทำงานจากทั่วทุกมุมโลก

เรามาลองพูดคุยกับพนักงานของ Amity ทั้ง 2 คน ได้แก่ คุณมาย-พรปวีณ์ อัศวเทวินทร์ ตำแหน่ง Product Owner และคุณทรัสต์-ธรรศ รัชสัน ตำแหน่ง Lead Android Engineer โดยปัจจุบันทั้งคู่ได้มีโอกาส relocate ไปทำงานที่ Amity ประจำเมืองมิลาน

พอจะแนะนำตัวให้ฟังได้ไหมว่า คุณมาจากไหน สนใจอะไร คุณเคยทำอะไรมาก่อนที่จะเข้ามาร่วมงานกับ Amity?

มาย:   ชื่อพรปวีณ์ อัศวเทวินทร์ ค่ะ ชื่อเล่นชื่อ มาย มาจากกรุงเทพฯ มายเป็นคนชอบเปิดหูเปิดตาออกเที่ยวเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ ๆ หากเป็นไปได้ ก็อยากมีโอกาสทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้ได้มากที่สุดค่ะ

 

ก่อนเข้าทำงานกับ Amity มายเคยเป็น นักเขียนคอนเทนต์โซเชียลมีเดีย แต่ทำไปได้แค่ 4 เดือน ก็ได้มารู้ว่า จริง ๆ แล้วตัวเองกำลังมองหาสิ่งที่ตรงกับทักษะและความสนใจของตัวเองจะดีกว่าค่ะ ซึ่งก็คือตอนที่ได้เข้ามาร่วมงานกับ Amity ที่ตอนนั้นยังมีชื่อเดิมว่า Eko

ทรัสต์: ส่วนผมมาจากกรุงเทพฯ ครับ และสนใจเรื่องเทคโนโลยีอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมจะชอบเทคโนโลยีที่สร้าง impact ในโลกจริงได้ ตัวอย่างเช่น Amity เป็นบริษัทที่สร้างสรรค์อะไรบางอย่างที่สร้าง impact ได้โดยตรงต่อโลกที่เราอาศัยอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทิศทางของโซเชียลในรูปแบบใหม่ที่เรากำลังให้ความสำคัญ

ก่อนร่วมงานกับ Amity ผมเคยทำงานให้กับบริษัทสิงคโปร์ แต่เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง ซึ่งอาจพูดได้ว่า ผมเข้าทำงานกับ Amity ทันทีหลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเลยจะดีกว่า เพราะผมทำงานให้กับบริษัทสิงคโปร์ดังกล่าวเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และคิดไม่ผิดเลยที่จะบอกว่า Amity เป็นที่ที่สำคัญที่สุดในชีวิตการทำงานของผม

ขอ 1 คำ ที่คิดว่าเพื่อนร่วมงานของคุณจะ อธิบายถึงตัวคุณ?

มาย:   คิดว่าทุกคนน่าจะเห็นตรงกันว่ามายเป็นคนที่ยิ้มแย้ม! มายชอบยิ้มค่ะ เพราะเป็นคนที่ร่าเริงอยู่เสมอ

ทรัสต์: ถือว่าเป็นคำถามที่ดีนะครับ ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะเห็นว่า ผมเป็นคนที่น่าเชื่อถือ และน่าจะเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ นะครับ

ออฟฟิศอยุ่ที่ไหน และสิ่งที่ชอบที่สุดเวลาอยู่ที่นั่นคืออะไร?

มาย:   ตอนนี้ทำงานอยู่ที่มิลาน ประเทศอิตาลี ค่ะ และไม่สามารถตอบได้หรอกว่าชอบอะไรมากที่สุด เพราะที่จริงแล้วมีหลายสิ่งหลายอย่างเลยค่ะที่ประทับใจสำหรับการใช้ชีวิตที่นี่ มายรู้สึกสนุกกับอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพอากาศ วัฒนธรรม ผู้คน อาหารอร่อย และที่สำคัญเลยคือ การเดินทางไปยังที่อื่น ๆ ในยุโรปนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก

มีอีกเรื่องที่ชอบ คือ วัฒนธรรมที่เรียกว่า “อะเพริทิโว่ (Aperitivo)” ของประเทศนี้ ซึ่งชาวอิตาเลียนจะทำการนัดเจอกันหลังเลิกงานเพื่อพบปะสังสรรค์ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรืออาจจะไม่มีแอลกอฮอล์ก็ได้ และทานอาหารว่างด้วยกันซึ่งจะเป็นอาหารอิตาเลียนแบบฟิงเกอร์ฟู้ด ก่อนที่จะกลับบ้านไปทานอาหารค่ำ อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบ ก็น่าจะเป็น การไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นช่วงที่อากาศแจ่มใส เราสามารถนั่งพักผ่อนได้ที่นั่นในขณะเดียวกันก็นั่งดูสุนัขวิ่งเล่นไปมาได้อย่างเพลิดเพลินใจ

ทรัสต์: ปัจจุบันผมทำงานอยู่ออฟฟิศที่มิลาน เช่นกันครับ และมี 2-3 อย่างที่ผมชอบที่มิลานนี้ อย่างแรกเลย มิลานเป็นเมืองที่สวยงามและมีบรรยากาศรื่นรมย์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมชอบสถาปัตยกรรมของที่นี่ครับ อย่างที่สองคือที่นี่อยู่ใกล้กับสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส ซึ่งเป็นอีกสองประเทศที่ผมชอบ หากอยู่ประเทศไทย ผมต้องใช้เวลาถึง 12 ชั่วโมงเพื่อเดินทางไปยังสองประเทศนั้น แต่มิลานอยู่ใกล้มาก คุณสามารถขึ้นรถไฟได้โดยใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงเพื่อไปถึงที่นั่น อย่างที่สามที่ผมชอบเกี่ยวกับมิลานคือสิ่งแวดล้อม ทุกคนมีความเต็มใจพร้อมช่วยเหลือ และที่นี่มีสุนัขอยู่มากมายเดินอยู่รอบ ๆ เมือง ผมเป็นคนรักสุนัขครับ เราจะไม่ค่อยเห็นคนพาสุนัขไปเดินเล่นตามที่ต่าง ๆ ที่ไทยเท่าไหร่ ตอนอยู่ที่นี่ ผมเลยชอบที่จะเห็นคนพาสุนัขไปเดินเล่นตามที่ต่าง ๆ

อะไรทำให้คุณตัดสินใจมาทำงานในอุตสาหกรรมเทค

มาย:   เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เรากำลังพูดถึงเรื่องของอนาคตนั่นเอง ค่ะ และทุกสิ่งทุกอย่างที่มายได้กระทำ ไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน การชำระหนี้หรือบิลต่าง ๆ หรือท่องโลกโซเชียลมีเดีย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ยิ่งได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้นเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนตัวแล้ว มายยังรุ้สึกชอบช่วยเหลือผู้อื่น ช่วยพวกเขาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ดังนั้นการทำงานด้านเทคโนโลยีนั้นก็สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง‍

ทรัสต์: ตั้งแต่สมัยผมเรียนมัธยมปลาย ผมก็รู้แล้วว่าเทคโนโลยีจะกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อโลกของเราซึ่งขับเคลื่อนด้วยคอมมูนิตี้ หรือ ชุมชน คุณอาจไม่สามารถมองเห็นถึง impact ของมันได้โดยตรง แต่คุณสามารถสัมผัสได้จากผลกระทบในทุกสถานที่และชุมชนที่คุณอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยี และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมกลายมาเป็นคนที่หลงใหลในเทคโนโลยี แต่ผมก็คิดอยุ่เหมือนกันนะครับว่ามีหลายสิ่งที่ผมก็อยากเรียนรู้นอกเหนือไปจากเทคโนโลยี

ช่วยเล่าให้ฟังถึงกิจวัตรประจำวันของคุณที่ Amity

มาย:   ในฐานะที่มีตำแหน่งเป็น Product Owner มายพร้อมสำหรับความตั้งใจในการทำงานอยู่เสมอ เพราะมักจะมีบางสิ่งบางอย่างที่รอคุณอยู่ตลอดเวลา! หน้าที่รับผิดชอบหลักของมายคือ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ได้รับการจัดส่งสมบูรณ์โดยไม่ควรมีข้อบกพร่องใด ๆ

ส่วนกิจกรรมในชีวิตประจำวันก็มีตั้งแต่การช่วย “ดูแล” ทีมงานเพื่อคิดหาโซลูชันในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ จัดให้มีการประชุมทีมเพื่อซิงค์กันแบบเร็ว ๆ หรือที่เรียกกันว่าการประชุมแบบสแตนด์อัพ (Stand-up Meeting) ซึ่งเป็นการประชุมช่วงเช้าทุกวัน ประมาณ 15 นาที เพื่อที่จะพูดคุยถึงเป้าหมายประจำวัน อธิบายปัญหาจากเมื่อวาน ไปจนถึงวางแผนประจำวัน เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพการทำงานในแต่ละวัน ให้ไปสู่เป้าหมายเดียวกัน และให้แน่ใจว่าปัญหาหรืออุปสรรคต่าง ๆ นั้นได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง ซึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของแต่ละวันก็คือ มายเป็นคนจัดการประชุมเพื่อทบทวนการทำงานที่ผ่านมา ตลอดจนเพื่อวางแผนการทำงานกับทีมงานของมายเองเพื่อให้คำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์แก่กันและกัน เพราะพวกเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาปรับปรุงตัวเองไปอย่างต่อเนื่อง

ทรัสต์: ก่อนอื่นเลย ตอนเช้าผมต้องเช็คใน calendar ก่อนว่าวันนี้จะต้องทำอะไรบ้าง นอกจากนี้ ผมยังมีมีตติ้งร่วมกับทีม Android ทุกวัน และผมก็จะพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับงานและโปรเจกต์ต่าง ๆ โดยเฉพาะช่วง work from home ผมคิดว่าผมรู้จักพวกเขาดีกว่าตอนที่เราทำงานด้วยกันในออฟฟิศเสียอีก เพราะโดยปกติแล้วเราจะคุยกัน 30 นาทีทุกวัน การประชุมในแต่ละวันจะไม่เป็นทางการมาก และนั่นเป็นเหตุผลที่ทีมเราชอบมาก เพราะช่วยให้ทุกคนได้พูดคุยกันและเช็กว่าแต่ละคนว่ารู้สึกกันอย่างไร ว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่ ฯลฯ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการทำงานให้มีประสิทธิภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และพอหลังประชุมเสร็จ ผมต้องนั่งทำงานต่อและก็มีเพียงเท่านั้นแหละครับ

อะไรคือข้อดีที่สุดในตำแหน่งหน้าที่ของคุณ? อะไรคือความท้าทายที่คุณต้องเผชิญ?

มาย:   หนึ่งในเรื่องที่ดีที่สุดคือ มายสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผู้อื่นในการแก้ไขปัญหาและสำเร็จตามเป้าหมายได้ ทำให้เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นลูกค้าประสบความสำเร็จจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา

หนึ่งในความท้าทายที่เราต้องเผชิญคือฟังก์ชันที่เราต้องการเพิ่มในอนาคตอาจซับซ้อนเกินไป ในการคิดหาทางออกที่ดีที่สุด คือ ทุกแผนกต้องทำงานร่วมกัน และนี่เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก อย่างไรก็ตาม มายเองก็ยังสนุกกับการทำงานหนักเพื่อเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ดังกล่าว

ทรัสต์: สิ่งที่คิดว่าดีที่สุดในตำแหน่งที่ผมทำ ผมคิดว่า เพราะผมอยู่ในตำแหน่ง Lead ผมจึงรู้สึกว่าผมมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ที่มันอาจจะกำลังไม่เวิร์ค ผมชอบความมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างได้ แต่ข้อดีของบริษัทนี้ก็คือ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ทุกคนมีอำนาจที่จะทำได้เช่นนั้นได้เช่นกัน แต่ในฐานะผู้นำ การมี growth mindset จึงเป็นเรื่องสำคัญ

ความท้าทายหลักที่ผมต้องเผชิญในฐานะ leader คือ เมื่อคุณอยู่ตำแหน่งนั้น คุณจะไม่ได้กลายเป็นผู้นำเฉพาะทางเทคนิค คุณเกือบจะเป็นเหมือนที่ปรึกษา ผู้จัดการฝ่ายบุคคล ดังนั้นคุณต้องมีความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น คุณต้องทำให้แน่ใจว่าทีมงานนั้นทำงานกันอย่างมีความสุข ไม่รู้สึกล้นมือ และทุกคนทำได้ดี นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทีมมีสมาชิกที่เพิ่มขึ้น หลายครั้งก็จะมีการโวยวายหรืออะไรก็ตามที่สอดแทรกมากจนเกินไป ผมจึงต้องปฏิบัติต่อพวกเขาให้เหมือนเป็นครอบครัว พี่น้อง ผมต้องเป็นเหมือนพ่อที่ดูแลทุกอย่าง

คุณชอบอะไรเกี่ยวกับ Amity มากที่สุด?

มาย:   สิ่งที่ชอบมากที่สุดเกี่ยวกับ Amity คือ พนักงานและวัฒนธรรม เพราะเป็นบรรยากาศสตาร์ทอัพที่แท้จริง บุคลากรสามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนใด ๆ เพิ่มเติม เราทำงานเป็นทีมเดียวกัน และเป้าหมายหลักคือการแบ่งปันความรู้ร่วมกันอยู่เสมอ เราอยากเป็นยูนิคอร์นอย่างแท้จริง ซึ่งยูนิคอร์นก็คือบริษัทสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นทุกโอกาสที่เราจะเติบโต เราโอบรับมันไว้ และต้องมีความคิดที่อยากรู้อยากเห็นและเปิดใจให้กว้างอยู่เสมอ

ท้ายที่สุด พนักงานถือว่ามีบทบาทสำคัญยิ่งในการนำสิ่งดังกล่าวเข้ามาอย่างที่ไม่ต้องสงสัย มายเชื่อว่าฝ่ายบุคลากรของเราทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมในการนำคนที่มีความคิดที่คล้ายกันเข้ามาทำงานด้วยกันที่ Amity

ทรัสต์: ผมคิดว่า Amity เป็นบริษัทที่ให้ทางเลือกมากมายแก่ผม ผมเองได้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่เพียงแต่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเท่านั้น ยังมีโอกาสอื่นอีก เช่น การเป็น Product Champion และเข้าร่วมประชุมกับลูกค้า

ที่ Amity ยังมีอีกมากมายหลายโอกาสที่ผมพร้อมจะค้นหาและก้าวไปให้ถึง บริษัทเรานั้นยังเป็นบริษัทที่ใหม่จริง ๆ ที่พร้อมเปิดโอกาสให้พนักงานได้ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง เราเป็นบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งมาได้ไม่นาน ผมว่าเมื่อเทียบแล้ว บริษัทนี้เหมือนวัยรุ่นไฟแรงที่ต้องการประสบความสำเร็จอะไรบางอย่าง และสิ่งนั้นเองก็ตรงตามปรัชญาของผมเลย

เมื่อปรัชญาของบริษัทเป็นเช่นนี้ และเมื่อคุณว่าจ้างคนที่มีความคิดคล้าย ๆ กันเข้ามาทำงานด้วยกันนั้น จะทำให้ทุกคนพร้อมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน พนักงานทุกคนในบริษัทมีทัศนคติ (mindset) ที่คล้ายกัน เพื่อนร่วมงานของผมหลายคนกลายเป็นคนที่สนิทกันจริง ๆ เพราะเราคิดแบบเดียวกัน Amity สำหรับผมไม่ใช่บริษัทอีกต่อไป แต่เป็นสถานที่ที่ผมได้เติบโตไปด้วย ผมคิดว่าตอนนี้ Amity เป็นเหมือนบุคคล ๆ หนึ่งมากกว่าที่ผมมีความสุขและพร้อมที่จะเติบโตพัฒนาไปด้วยกัน

Amity เปรียบเสมือนบ้านของพนักงานที่มากด้วยความสามารถและประสบการณ์ และพร้อมจะพิชิตสู่จุดสูงสุดได้อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนร่วมขับเคลื่อนปฏิวัติโลกโซเชียลไปสู่ระดับโลก Amity มีบุคลิกที่หลากหลาย เป็นสิ่งที่ทำให้ Amity และผลิตภัณฑ์ของ Amity มีเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่เหมือนใคร หากกำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ และพร้อมที่จะร่วมท้าทายไปด้วยกัน สามารถดูตำแหน่งที่เปิดรับเพื่อเข้าร่วมทีม Amity ได้ที่ https://www.amity.co/career/open-positions