Apple และ Google ลงนามร่วมมือถอนฟ้องและเดินหน้าปฏิรูปสิทธิบัตร

Apple และ Google ได้ตกลงถอนฟ้องคดีสิทธิบัตรระหว่างสองบริษัททั้งหมด พร้อมเดินหน้าร่วมมือปฏิรูปบางส่วนของสิทธิบัตร

apple-google

ในการแถลงร่วมกันของ Apple และ Google ล่าสุด ตัดสินใจยกเลิกการฟ้องร้องในคดีสิทธิบัตรระหว่างสองบริษัททั้งหมดพร้อมตกลงลงที่จะทำงานร่วมกันในการปฏิรูปบางส่วนของสิทธิบัตร แต่ข้อตกลงจะไม่รวมการนำเทคโนโลยีมาใช้ซึ่งกันและกัน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาการฟ้องร้องเกี่ยวกับกับการละเมิดสิทธิบัตรระหว่าง Apple และ Google รวมไปถึง Samsung กลายเป็นประเด็นโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งต่างฝ่ายต่างออกมาเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ โดยหนึ่งในเหตุผลที่ Apple เคยแตกหักกับ Google ถูกเปิดเผยในหนังสืออัตชีวประวัติของสตีฟ จ็อปส์ ที่เขียนโดยวอลเตอร์ ไอแซคสัน ในตอนหนึ่งระบุว่า “…ผม (สตีฟ จ็อปส์) จะใช้ทุกๆลมหายใจที่มีอยู่ และเงินทุกบาททุกสตางค์ของผม แก้ไขในสิ่งผิด ผมจะทำลาย Android เพราะ Android จงใจขโมยผลงานที่ผมอุทิศสร้างสรรค์ขึ้นมา หากจะต้องเป็นสงครามนิวเคลียร์ผทก็จะทำ ….”

ขณะเดียวกัน “Dogfight” หนังสือเล่มใหม่ของ Fred Vogelstein ได้เปิดเผยบางส่วนของความสัมพันธ์ที่ต้องยุติลงระหว่าง Apple และ Google ว่าเมื่อปีที่ iPhone รุ่นแรกเปิดตัวส่งผลให้ Andy Rubin ต้องพับโครงการเปิดตัวมือถือ Android ตัวแรกไปแบบกะทันหัน เพราะไม่คิดว่า iPhone จะทำออกมาได้ดีเกินคาด ก่อนจะกลับมาอีกครั้งและจับมือกับ HTC เปิดตัว HTC Dream จากเหตุนี้เองจึงเป็นชนวนที่ทำให้ Apple กับ Google ต้องแตกหักพราะหลังจากนั้นสตีฟ จ็อบส์ ได้เรียกเรียกประชุมด่วน โดยมี Scott Frostall หัวหน้าฝ่ายออกแบบซอฟต์แวร์ iPhone ขณะนั้น และเรียกทีมผู้บริหารของ Google เข้าร่วมอีกด้วย

ซึ่งผู้เข้าประชุมรายหนึ่งของ Apple ได้แอบบอกว่าเป็นการประชุมที่เกิดจากอารมรณ์ส่วนตัวของสตีฟ จ็อบส์ ล้วนๆ และจ็อบส์ก็ได้สบถใส่ Andy Rubin ว่า “Big Arrogants F*ck!” (แปลกันเอาเอง) พร้อมแนะให้ Andy Rubin เลียนแบบการแต่งตัวของไปด้วยเลยดีมั้ย ? หลังจากการประชุมดังกล่าว Apple สั่งให้ Google เร่งถอนคุณสมบัติหลายๆอย่างของ Android ออก ซึ่ง Google ก็ไม่มีทีท่าปฏิเสธแต่อย่างใด แถมยังเกือบทำให้ Andy Rubin ต้องลาออกจาก Google เลยทีเดียว

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการสงบศึกระหว่าง Apple และ Google ในยุคของ Tim Cook จะเป็นไปได้นานแค่ไหน …?

ที่มา Time

 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here