บีเอสเอช ประสบความสำเร็จเป็นประวัติการณ์ในปี 2020 และเป็นอันดับหนึ่งของยุโรป


• ยอดขายเพิ่มขึ้น 5.3% เป็น 13.9 พันล้านยูโร ( เติบโต 8.5% คิดตามสกุลเงินท้องถิ่น)
• มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในทุกภูมิภาคและกลุ่มผลิตภัณฑ์
• การมุ่งเน้นกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน บีเอสเอชบรรลุข้อตกลงในการลดการผลิตคาร์บอน Co2 ในทุกพื้นที่ของสำนักงานของบีเอสเอชทั่วโลก
• ยังขยายตัวต่อเนื่องในตำแหน่งผู้นำของบีเอสเอชในฐานะผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารองรับการสั่งการแบบไร้สาย

24 มีนาคม 2564 – ในปี 2020, BSH Hausgerate GmbH (BSH) ได้ประกาศถึงผลประกอบการประจำปี 2020 ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่า 50 ปี ด้วยการเป็นผู้นำในการผลิตอุปกรณ์ครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของยุโรป มียอดขาย 13.6 พันล้านยูโร โดยเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 5.3 % เมื่อเปรียบเทียบกับในปีก่อนหน้า และสำหรับสกุลเงินท้องถิ่น บีเอสเอชมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 8.5% โดยเป็นผลมาจากความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีคุณภาพที่สูงขึ้น และชื่อเสียงของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง, นวัตกรรมดิจิทัล และบริการลูกค้าอันยอดเยี่ยม

ดร. คาร์ล่า ครีเว็ต ประธานกรรมการของคณะกรรมการบริหารของบีเอสเอช กล่าวว่า “ในปี 2020 เป็น
ปีที่ถือเป็นประวัติการณ์ของบีเอสเอช อันเป็นผลมาจากเป้าหมายที่ชัดเจนของพวกเราทั่วโลก เราประสบความสำเร็จในการรับมือกับความท้าทายของการแพร่กระจายของเชื้อโรคในระดับโลก ขณะที่อุตสาหกรรมของเรามีการเติบโตคิดเป็นมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาที่ผู้บริโภคต้องใช้ชีวิตที่บ้านและในครัวมากขึ้น และจากชื่อเสียงของ

แบรนด์ของเราที่แข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและดิจิทัลโซลูชั่น ช่วยให้เราสร้างความพึงพอใจทั้งด้านความต้องการและการคาดหวังของลูกค้าเป็นอย่างมาก”
การเติบโตในทุกภูมิภาค

ในช่วงปี 2020 ทุกๆ ภูมิภาคมีความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจแม้ในช่วงที่ตลาดไม่มีการเติบโต ในช่วงเริ่มต้นของการระบาด และมียอดขายโดยรวมที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

บีเอสเอช เติบโต 4.8 % ในภูมิภาคยุโรป (+ 8.6 % คิดตามสกุลเงินท้องถิ่น) โดยมีรายรับที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเยอรมนี, สหราชอาณาจักรและยุโรปเหนือ โดย บีเอสเอช ยังคงเป็นเบอร์หนึ่งในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในตลาดยุโรป และด้วย Home Connect, หน่วยงานหนึ่งที่เป็นผู้นำด้าน Digital Ecosystem

ทั้งนี้ ในตลาดอเมริกาที่มีความเข้มแข็ง บีเอสเอชยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงขึ้น โดยมีมูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 7.7% ในภูมิภาค โดยภูมิภาคอเมริกาเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อช่วงปีที่แล้ว (+10.3 % คิดตามสกุลเงินท้องถิ่น) โดยผู้บริโภคมีความต้องการที่สูงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ตู้เย็นและเครื่องล้างจาน

ในส่วนของธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และแอฟริกา มีการเติบโต 5.3 % สูงกว่าในปีที่ผ่านมา (+ 7.7%.คิดตามสกุลเงินท้องถิ่น ) สำหรับผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลเห็นได้ชัดในประเทศจีนโดยเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เห็นชัดขึ้น ด้วยการเติบโตที่เริ่มสูงขึ้นในเดือนพฤษภาคม ซึ่งมากกว่าค่ารวมของรายรับที่ลดลงในช่วงสามเดือนก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในตลาดจีน
บีเอสเอชมีอัตราการเติบโตที่สูงในกลุ่มเครื่องล้างจาน (+ 34% ของผลประกอบการ) และ เครื่องอบผ้า (+ 59% ของผลประกอบการ )

บีเอสเอชถือเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช่แบรนด์จากประเทศจีน ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในประเทศจีน และยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้ โดยบีเอสเอชยังคงเติบโตในตลาดอินเดียและแอฟริกา และยังวางแผนขยายธุรกิจให้ยั่งยืนในตลาดของประเทศกำลังพัฒนา

เติบโตในทุกกลุ่มสินค้าและด้านบริการของลูกค้า

บีเอสเอช เติบโตอย่างมากในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งกลุ่มประกอบอาหาร, ตู้เย็น และเครื่องล้างจาน ซึ่งมียอดการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 6% (+8 ถึง10% เมื่อคิดตามสกุลเงินท้องถิ่น) ในส่วนมูลค่ายอดขายในกลุ่มเครื่องซักผ้าสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย สำหรับกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ เครื่องเตรียมอาหาร และเครื่องดูดฝุ่น มีมูลค่ายอดขายสินค้าเป็นไปในเชิงบวกและเพิ่มขึ้นกว่า 9% ( +12% เมื่อคิดตามสกุลเงินท้องถิ่น)
ส่วนงานบริการลูกค้ายังเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 8% ( + 11% เมื่อคิดตามสกุลเงินท้องถิ่น) ซึ่งมีพนักงานบริการลูกค้าประมาณ 15,000 คน และยังมีพันธมิตรของบีเอสเอช ที่ช่วยดูแลความต้องการของผู้บริโภคในอีกกว่า 50 ประเทศในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

ตัวเลขพนักงานเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย

ในช่วงสิ้นปี 2020 บีเอสเอช มีพนักงานราว 60,000 ราย ทั่วโลก โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 3% โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นมาจาก การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในการผลิตที่มีความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้น
ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาที่ยังคงเดิม

บีเอสเอช ยังคงเดินหน้าโครงการลงทุนตามแผนที่วางไว้ในปี 2020 อย่างต่อเนื่อง เช่น โรงงงานผลิตเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าในเมืองซูโจว ประเทศจีน

โดยเป้าหมายหลักยังคงมุ่งเน้นในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาเพื่อรองรับนวัตกรรมที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ,เทคโนโลยีที่ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ สามารถเชื่อมโยงและรับส่งข้อมูลระหว่างกันได้อย่างง่ายดายและสามารถสั่งการเพื่อควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ผ่านทางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet of Things ) หรือ IoT รวมทั้งเรื่องของการเปลี่ยนผ่านสู่ Digitalzation ในการเพิ่มมูลค่าของห่วงโซ่ในระบบทั้งหมด ซึ่งการลงทุนทั้งหมดนี้ในปี 2020 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 708 ล้านยูโรและเป็นตัวเลขที่อยู่ในระดับเดียวกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้มียอดขายรวมเติบโตขึ้นกว่า 5.1% ของรายได้จากการขายทั้งหมด

บีเอสเอช เติบโตในช่องทางขายออนไลน์ และสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ธุรกิจออนไลน์ของ บีเอสเอชในปีนี้ เติบโตขึ้น 25 % ในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้บริโภคหันมาใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อรับคำแนะนำและเลือกอุปกรณ์ที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายจากที่บ้าน
ในปี 2020 การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศแบบ Home connect digital Ecosystem จะช่วยสนับสนุนการขยายตำแหน่งของ BSH ในฐานะผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำภายในบ้านตลอดจนการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในอนาคตอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคสามารถเข้าดูภายในของตู้เย็นผ่านแอปพลิเคชั่น Home Connect ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน, เครื่องล้างจานระบบดิจิทัลที่ปรับเวลาการทำงาน และพลังงานในการล้างให้เหมาะสมตามความต้องการของผู้ใช้, เครื่องซักผ้าที่สามารถลดการใช้น้ำและพลังงานให้น้อยที่สุด โดยวัดจากน้ำหนักของผ้าในระหว่างซัก

บีเอสเอช เสริมความแข็งแกร่ง มุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน

บีเอสเอส ได้บรรลุความสำเร็จครั้งสำคัญในการก้าวไปสู่ความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ในช่วงปลายปี 2020 คือ สถานที่ผลิต การพัฒนาและการบริหารจัดการของบีเอสเอชทั่วโลก จะมุ่งสู่ทางเป็นกลางทางคาร์บอน (CO2-neutral) ซึ่งในเบื้องต้นได้บรรลุเป้าหมายด้านมาตรการประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและโรงงานโดยการขยายการใช้พลังงานทดแทนและการซื้อไฟฟ้าสีเขียว นอกจากนี้บีเอสเอส ยังปรับสมดุลการปล่อย Co2 ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยการสนับสนุนโครงการปกป้องสภาพภูมิอากาศ โดยภายในปี 2030 บีเอสเอชจะเพิ่มสัดส่วนของการขับเคลื่อนพลังงานสีเขียวที่ผลิตขึ้นเอง 5 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 10 GWh

“ความยั่งยืนเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับบีเอสเอช” ดร.คาร์ล่า ครูเว็ต กล่าวด้วยว่า “นอกจากเรื่องของการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้มาตรการเศรษฐกิจหมุนเวียนที่สำคัญในการดำเนินกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของ
บีเอสเอชแล้ว ยังมีเรื่องของวัตถุดิบ, บรรจุภัณฑ์ และความสามารถในการนำชิ้นส่วนของเรากลับมาใช้ใหม่ โดยมุ่งเน้นการออกแบบที่ยั่งยืนที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการพัฒนาไปพร้อมเพรียงกัน ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจหมุนเวียน และเป็นการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ธุรกิจสู่ความยั่งยืน

นอกจากนี้ ด้วยความร่วมมือกับสหประชาชาติโครงการอาหารโลก ( UN World food Program ) บีเอสเอชได้สนับสนุนความเชี่ยวชาญด้านการปรุงอาหารเพื่อสุขภาพและการทำงานร่วมกันเพื่อให้ทั่วโลกปราศจากผู้หิวโหย ซึ่งเป็นพันธมิตรระหว่างบีเอสเอชและและโครงการริเริ่ม Joblinge ที่ยังช่วยให้คนรุ่นใหม่ที่ประสบความยากลำบากในการทำงาน สามารถเข้าถึงการฝึกงานและตำแหน่งงาน
แนวโน้มในปี 2021

ดร. คาร์ล่า ครีเว็ต กล่าวว่า “สืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส เราคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตามความใกล้ชิดกับผู้บริโภคของบีเอสเอชจึงมีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายด้วย Home Connect ซึ่งเราไม่เพียงจะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดทรัพยากร จึงมั่นใจว่าเราจะสามารถสานต่อแนวโน้มเชิงบวกของปีที่ผ่านมาในปี 2021 ต่อไป
ผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบีเอสเอชและข่าวประชาสัมพันธ์ มีอยู่ในห้อง BSH Newsroom ในเว็บไซต์ BSH Newsroom ในเว็บไซต์ BSH Stories Corporate Blog และข่าวสารอื่นๆ เกี่ยวกับบีเอสเอชในปัจจุบัน
เกี่ยวกับ บีเอสเอช

BSH Hausgerate GmbH มีผลประกอบการทั้งหมด 13.9 พันล้านยูโร และพนักงาน 60,000 คนในปี 2563 เป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน แบรนด์ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ประกอบด้วยแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่รู้จักกันดี 11 แบรนด์ เช่น Bosch, Siemens, Gaggenau และ Neff รวมถึงแบรนด์ระบบนิเวศ Home Connect และแบรนด์ด้านบริการ เช่น Kitchen Stories BSH ซึ่งผลิตจากโรงงาน 38 แห่งและมีตัวแทนจำหน่ายใน 50 ประเทศ BSH เป็น บริษัท ในเครือ Bosch Group