5 วิธีเลือกซื้อ Gaming Notebook สไตล์เกมเมอร์ คิดจะซื้อ ให้ดูที่ใจ

Gaming Notebook เป็นอาวุธอีกชิ้นของเหล่าเกมเมอร์ ที่ต้องการความสะดวกสบายในการพกพา และสามารถเข้าถึงการเล่นเกมแบบ Hardcore ที่ไหนก็ได้ ในวันนี้เราลองมาดูวิธีการเลือกซื้อกันครับ

Gaming Notebook ตามชื่อเลยครับ มันคือโน้ตบุ๊กที่เกิดมาเพื่อเล่นเกมอย่างแท้จริง ที่มีมากทั้งประสิทธิภาพ กับราคาที่ขนาดว่าโน้ตบุ๊กโฮบริดที่ว่าแพง ก็ยังเทียบราคาของโน้ตบุ๊กเล่นเกมไม่ได้เลย เพราะโน้ตบุ๊กเกมมิ่งมีจุดเด่นทั้งดีไซน์และความแรงรวมกัน ดังนั้น หากใครที่คิดจะซื้อ ขอให้นึกไว้เลยว่า เรากำลังซื้อของที่งบไม่สำคัญแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ “ใจ” ต่างหาก

คิดจะซื้อ ให้ดูที่ใจ

ทำไมผมถึงบอกว่า “งบหรือเงินสำคัญน้อยกว่าใจ” คำตอบคือ โน้ตบุ๊กเกมมิ่งมีราคาแพงมาก อย่างราคาเริ่มแรกก็ปาเข้าไป 2X,XXX – 30,000 กว่า ๆ แล้ว สุด ๆ ก็ 1xx,xxx งบขนาดนี้มากพอที่จะซื้อคอมพ์ตั้งโต๊ะ (Desktop PC) มหาโหดเครื่องหนึ่งได้สบาย ๆ และก็รู้ ๆ กันอยู่ว่า ยังไงโน้ตบุ๊กก็สู้ PC ไม่ได้แน่นอน ฉะนั้น หากคิดจะซื้อ เราต้องส่องใจตัวเองดูก่อนว่า เรารับได้กับสเปกและข้อจำกัดของโน้ตบุ๊กไหม และเรามีความต้องการฟีเจอร์ ”พกพา” หรือ “ชอบ” โดยเฉพาะจริงๆ ถ้ามีใจแล้ว ต่อไปก็มาดูวิธีเลือกซื้อทั้ง 5 วิธี แบบสไตล์เกมเมอร์กัน ว่าเกมเมอร์ที่แท้จริง เขาดู Gaming Notebook กันยังไง

1. ถามความเป็นเกมเมอร์ในตัวคุณก่อน

เผื่อมีใครสงสัยว่า แล้วให้ดูที่ใจคือยังไง ว่าด้วยคำว่า “เกมเมอร์” ความหมายคือ บุคคลที่ชื่นชอบการเล่นเกมเป็นพิเศษ เล่นเกมเก่ง เทพ และเอาจริงเอาจังกับเกม คำตอบคือผิดครับ !! เกมเมอร์จริงๆจะเป็นใครก็ได้ จะเป็นแม่ของเราที่นั่งจิ้มเกม Candy Crush หรือป้าข้างบ้านที่เล่นเกมเศรษฐีอยู่ ก็เป็นได้เช่นกัน ขอเพียงแค่ใครที่เล่นเกมแล้วมีความสุข ก็เป็นเกมเมอร์ได้หมดแล้ว แต่มันมีระดับของมันครับ ผมขอยกตัวอย่างไว้ 3 กลุ่มคือ กลุ่มเกมเมอร์ระดับล่างสุด Casual Gamer ที่เป็นนักเล่นเกมทั่ว ๆ ไป กลุ่มถัดมาคือ Hardcore Gamer กลุ่มนี้คือคนที่มีความชื่นชอบการเล่นเกมในระดับสูง สามารถเล่นเกมได้เกือบทุกชนิด และต้องเคยเคลียร์เกมมาแล้วอย่างน้อย 2 – 3 เกม ถือเป็นกลุ่มเกมเมอร์ที่มีจำนวนมากพอควร (รวมถึงผมด้วย) สุดท้ายคือ Professional Gamer คือกลุ่มคนที่มีความเชี่ยวชาญเกมเป็นพิเศษ เคยมีประสบการณ์ไปแข่งขันเกมในระดับต่าง ๆ มาแล้ว หรือมีผลงานจากการเล่นเกมเป็นตัวเป็นตน เช่น แคสเกม รีวิวเกม เป็นต้น ทั้งหมดนี้คือความหมายของคำว่า เกมเมอร์ที่แท้จริง

เพราะฉะนั้น หากใครที่คิดจะซื้อ Gaming Notebook หรือโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง ขอให้ลองไปสำรวจตัวเองว่าจัดเป็นเกมเมอร์ระดับไหน ซึ่งในที่นี้ผมขอแนะนำว่า ต้องเป็นระดับ Hardcore Gamer ขึ้นไปเท่านั้นครับ ถึงจะมีความคุ้มเวลาจัดโน้ตบุ๊กเล่นเกมมาเป็นของตัวเองหน่อย แต่ทั้งนี้เมื่อมีใจแล้ว ถัดมาคือ “เงิน”ครับ แม้ว่ามันจะมีความสำคัญรองลงมา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่ามันสำคัญเหมือนกัน

2. สเปกของ Gaming Notebook ที่ควรซื้อ

โน้ตบุ๊กเกมมิ่งถือเป็นโน้ตบุ๊กที่ครบเครื่องทั้งประสิทธิภาพและการออกแบบมากที่สุด ในบรรดาโน้ตบุ๊กตัวอื่นๆ ซึ่งตัวสเปกนั้น พื้นฐานที่โน้ตบุ๊กเกมมิ่งต้องมีเลยก็คือ CPU ระดับ Core i5 – i7 ขึ้นไป มีการด์จอแยกในตัว แรม 8GB ขึ้นไป (ถ้าเป็นรุ่นแถม Windows ส่วนมากจะมีแรม 4GB ให้เราไปอัพเกรดภายหลัง) และมี HDD ที่ต้องมีขนาด 1 TB เป็นต้นไปด้วย ต่อไปเราลองประเภทของโน้ตบุ๊กเกมมิ่งกัน ซึ่งผมได้แบ่งไว้สามระดับตามราคา ตั้งแต่เริ่มต้นไม่เกิน 3 หมื่นบาท ไปจนถึงแสนกว่าบาทกันเลย มีดังนี้

  • ระดับ 20,000 – 30,000 บาท

ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกว่า โน้ตบุ๊กเกมมิ่งเหมาะสำหรับเกมเมอร์ระดับ 2-3 เท่านั้น ซึ่งก็อาจจะเกินจริงไปสักนิด เพราะถ้าเป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งในระดับนี้ ซึ่งมีราคาไม่แพงมากนัก และพอสู้ Desktop PC ได้อยู่ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีเลยสำหรับใครที่อยากได้คอมพ์ที่มีประสิทธิภาพที่เพียงพอต่อการใช้งาน ทั้งทำงานและเล่นเกมที่คนทั่วไปก็ซื้อได้ แต่ในหัวข้อนี้เราจะต้องเลือกโน้ตบุ๊กเกมมิ่งแบบสไตล์เกมเมอร์ ฉะนั้นตอนนี้เราคือเกมเมอร์ สเปกโน้ตบุ๊กเกมมิ่งในราคานี้ที่ควรมีเลยคือ CPU ตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Intel 8th gen หรือ intel 7th gen ที่ยังไม่เก่ามาก (และยังขายกันเยอะอยู่) ส่วนราคานี้ ส่วนมาจะได้สเปกที่ Intel Core i5 + GTX 1050 หรือ AMD FX-9830P + RX550 ที่เพียงจะต่อการเล่นเกมในสมัยนี้แล้ว ใครไม่เสพติดกราฟฟิกมากนัก ก็มาเริ่มต้นกับโน้ตบุ๊กเกมมิ่งระดับนี้ก่อนได้

รุ่นที่แนะนำในระดับนี้คือ

ASUS K550IU ราคา 22,900 บาท
ACER Nitro 5 ราคา 23,990 บาท (เริ่มต้น)
HP Pavilion Power ราคา 26,900 บาท (เริ่มต้น)
LENOVO Legion Y520 ราคา 26,900 บาท (เริ่มต้น)

  • ระดับ 30,000 – 50,000 บาท

แน่นอนว่าต้องเป็นเกมเมอร์ระดับ 2 – 3 เท่านั้น และต้องมีใจด้วย ต่างจากระดับแรกที่ใครมีงบก็ซื้อได้ ฉะนั้นใครมีทั้งงบมีทั้งใจแล้ว ก็ลองมาดูสเปกที่ควรมีของโน้ตบุ๊กเกมมิ่งระดับนี้กันเลยครับ ในราคาประมาณนี้ แน่นอนต้องมี CPU Core i7 มีการ์ดจอระดับ GTX 1050 ขึ้นไป แรม 8 – 16GB และถ้ามี SSD ด้วยจะยิ่งดีมาก ๆ ซึ่งจะช่วยให้โน้ตบุ๊กเกมมิ่งมีความเร็วมากขึ้นแบบพลิกชีวิตเลย

รุ่นที่แนะนำในระดับนี้คือ

Asus ROG Strix GL553VE ราคา 32,900 บาท (เริ่มต้น)
HP OMEN 15 (New 2017) ราคา 33,900 (เริ่มต้น)
DELL Inspiron 7567 ราคา 37,900 บาท (เริ่มต้น)
ACER Predator Helios 300 G3 ราคา 39,900 บาท (เริ่มต้น)
MSI GP72 7RFX Leopard Pro ราคา 45,900 บาท (เริ่มต้น)

  • ระดับ 50,000 – XXX,XXX บาท

ส่วนในระดับนี้ ถือว่าคุณได้ข้ามพรมแดนของสิ่งที่เรียกว่า “งบประมาณ” แล้ว นาทีนี้คือใจล้วนๆ ครับ คุณมาไกลมากแล้ว นาทีนี้ไม่ต้องไปสนว่าโน้ตบุ๊กมันจะด้อยกว่า PC หรืออะไรทั้งนั้น นี้คือความต้องการล้วน ๆ ฉะนั้น ในสเปกราคาระดับนี้ ผมขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งเลยก็คือ การ์ดจอต้องระดับ GTX 1060 ขึ้นไปเท่านั้น ยิ่งถ้าระดับ 6-7 หมื่นบาทขึ้นไป ก็ควรจะเป็นการ์ดจอคู่ ไม่ก็เป็นระดับ GTX 1080 ไปเลย เพราะถือเป็นการ์ดจอที่สูงที่สุดแล้วในบรรดาโน้ตบุ๊กเกมมิ่งทั้งปวง ส่วนถัดมาคือ SSD ต้องมีแน่นอน และ RAM ต้อง 16 – 32GB เท่านั้น กับเนื้อที่ HDD 1 – 2TB สุดท้าย ต้องมีพัดลมระบายความร้อนคู่ เพื่อการเล่นเกมที่ยาวนานอย่างไร้กังวล

รุ่นที่แนะนำในระดับนี้คือ

DELL Alienware 15 R3 ราคา 64,900 บาท (เริ่มต้น)
HP OMEN 17 (New 2017) ราคา 69,900 บาท (เริ่มต้น)
ASUS ROG Zephyrus GX501 ราคา 119,000 บาท
MSI GT75VR 7RE Titan ราคา 125,900 บาท
Acer Predator 21 X ราคา 349,000 บาท…..

3. การออกแบบและฟีเจอร์ คือจุดขาย

หากใครอยากรู้ว่า ทำไม Gaming Notebook มันถึงได้มีราคาแพงนัก สาเหตุก็เพราะนอกจากจะมีสเปกที่เพียบพร้อมแล้ว ตัวโน้ตบุ๊กเกมมีทั้งหน้าตาที่โหดดุดัน สวยงาม (ทุนออกแบบแพง) กับฟีเจอร์พิเศษเพิ่มเติม จึงมีส่วนมากๆ ที่ทำให้โน้ตบุ๊กเกมมิ่งมีราคาแพงกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไปแล้ว และเพราะอย่างนี้เอง เป็นเหตุให้หลาย ๆ แบรนด์ต่างทุ่มทุนสุดตัวในการออกแบบ และยัดฟีเจอร์พิเศษ ๆ ให้เหนือกว่าคู่แข่งกันให้เพียบ ทำให้โน้ตบุ๊กเกมมิ่งมีให้เลือกไม่รู้จบไปปริยาย ที่นี้ในเรื่องของดีไซน์ ผมจะขอแบ่งเป็นสองประเภทคือ

Gaming Notebook Desktop Replacement ผมขอเรียกสั้น ๆ ว่า Full Gaming Notebook เป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่มีตัวเครื่องใหญ่โตมโหฬาร แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเหมือน Desktop PC สำหรับตั้งเล่นอยู่บ้านเท่านั้น ซึ่งไม่เหมาะที่จะเอาออกไปเล่นที่ร้านกาแฟ ตามห้าง หรือในรถเมล์แน่นอน แต่ข้อดีของมันคือ มีความถึกทนสูง มีฟีเจอร์แถมมาให้เพียบ เช่น มีระบบเสียงที่เถื่อนสุดยอดอย่าง Amplifier กับ Surround Sound ไม่ก็มีหน้าจอขนาด 17 นิ้วมาเลย และสุดท้ายคือประสิทธิภาพของตัวเครื่องที่สูงมาก เรียกได้ว่าสูงกว่าโน้ตบุ๊กเกมมิ่งปกติทั่วไป และสูงกว่า Desktop PC บางเครื่องเสียอีก แต่แน่นอนว่าต้องแลกกับราคาที่สูงเอาเรื่องเช่นกัน

Ultra-Thin Gaming Notebook หรือ Gaming Ultrabook เป็นโน็ตบุ๊คเกมมิ่งที่ยังมีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่อยู่ แต่มีความเบาบางกว่าพอควร ทำให้เหมาะแก่การพกพามากกว่า ข้อดีของ Gaming Ultrabook เลยคือ สวยงาม และมีประสิทธิสูง ซึ่งบางตัวจะมีราคาที่ถูกกว่ารุ่น Full Gaming Notebook อีกด้วย แต่มีข้อด้อยคือ การอัพสเปกที่ไม่อิสระเท่าเจ้าตัวใหญ่ กับ ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า

4. ช่องระบายความร้อน จุดเล็ก ๆ ที่สำคัญ

เรื่องระบายความร้อน อาจมีบางคนหรือหลายคนลืมนึกถึงเป็นแน่ ต้องบอกก่อนเลยว่า ในบรรดาข้อแนะนำการเลือกซื้อโน้ตบุ๊กเกมมิ่งทั้งหมดแล้ว ข้อนี้สำคัญที่สุด เราซื้อโน้ตบุ๊กเกมมิ่งมาเพื่อเล่นเกม ก็แน่นอนครับว่า ตัวเครื่องจะต้องใช้พลังงานมากขนาดไหน ย่อมเกิดความร้อนตามมาแน่นอน ดังนั้นระบายความร้อนจึงสำคัญที่สุด ทีนี้วิธีดูตัวระบายความร้อนของโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง ก็ง่าย ๆ เลยครับ ถ้าโน้ตบุ๊กเกมมิ่งรุ่นไหนชูจุดเด่นเรื่องระบายความร้อน รุ่นนั้นก็น่าซื้อครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ ลองไปดูการเทสหรือรีวิวตามเว็บหน่อยก็ดีครับ กับชุดระบายความร้อน สามารถดูได้สองแบบคือ แบบมีพัดลมตัวเดียว ซึ่งแบบนี้มักจะมีอยู่ในโน้ตบุ๊กเกมมิ่งระดับเริ่มต้นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งประสิทธิภาพอาจไม่สูงมากนัก แต่ก็เพียงพออยู่ระดับหนึ่งแล้ว ส่วนแบบพัดลมสองตัวนั้น แทบทุกเครื่องของโน้ตบุ๊กเกมมิ่งระดับสูงจะมีกันหมด ซึ่งเขาจะเอาเป็นฟีเจอร์ชูโรงกันเลยครับ สุดท้ายถ้าระบบระบายความร้อนดี เราก็เล่นเกมได้นานขึ้น โดยที่ไม่ต้องมานั่งเอาพัดลมเป่ารอให้เครื่องหายร้อนแบบโน้ตบุ๊กทั่วไป

5. เวลาซื้อใจต้องมาก่อนเงินในกระเป๋า

ขอยอมรับตรง ๆ เลยว่า การเลือกซื้อโน้ตบุ๊กเกมมิ่งนั้น เป็นอะไรที่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลจริง ๆ อย่างที่ว่าไว้ตอนแรกคือ โน้ตบุ๊กเทียบกับ Desktop PC ไม่ได้ เพราะโน้ตบุ๊กมีสเปกที่ตายตัว อัพเกรดได้แต่เฉพาะ RAM HDD และ SSD เท่านั้น ในขณะที่ Desktop PC สามารถอัพเกรดได้ทุกส่วน มีความทนทานกว่า และซ่อมง่ายกว่า แต่ในโน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่เป็นคอมพ์ประสิทธิภาพสูง จนบางคนอาจไม่มีความจำเป็นต้องไปเปลี่ยนหรืออัพเกรดอะไรเพิ่มเติมแล้ว หรือเพราะชอบในเสน่ห์ของมันจริงๆ จึงตัดสินใจควักตังค์ซื้อด้วยความเต็มใจ

สุดท้ายนี้ ผมคงบอกให้เลือกโน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่ถูกและคุ้มค่าที่สุดได้ไม่มากนัก เพราะโน้ตบุ๊กเกมมิ่งมันเลยคำนั้นไปแล้ว นี้คือโลกของผู้กล้าเท่านั้นที่จะซื้อ Gaming Notebook มาใช้งาน โดยไม่ต้องสนใจความสมเหตุสมผล มีงบเมื่อไร จัดตามงบเมื่อนั้น เพราะอย่างนั้นนผมจึงขอสรุปว่า “ใจต้องมาก่อนเงินในกระเป๋า”