ลองจับ Elite X2 แท็บเล็ตพีซี 2-in-1 คุณภาพสูงจาก HP ที่ชูความเป็น Enterprise ด้วย ระบบรักษาความปลอดภัยตัวเครื่องระดับองค์กร วัสดุโลหะผสมอลูมิเนียมแบบเดียวกับเครื่องบิน และพอร์ตการเชื่อมต่อที่จำเป็นสำหรับผู้ใช้งานในองค์กร ได้แก่ USB-C Thunderbolt 3 กับ USB-A และ 4G LTE Modem ในตัวอีกด้วย
คู่แข่ง Surface Pro? ช่วงหลังมานี้ เราอาจจะเห็นโน็ตบุ๊คระดับองค์กรเปิดตัวกันให้เพียบ โดยจุดเด่นหลัก ๆ ของโน็ตบุ๊คระดับนี้เลยคือ “เน้นพกพาแต่ประสิทธิภาพสูง” ล่าสุดทาง HP ก็ได้เปิดตัวเจ้า Elite X2 แท็บเล็ตพีซีระดับ Enterprise ที่ก่อนหน้านี้ทางเราเคย พรีวิวไปแล้วรอบนึง แต่ครั้งนี้จะเป็นการพรีวิวใช้งานจริงเลย ซึ่งตัวผมเอง ก็ได้มีโอกาสไปสัมผัสกับเจ้า Elite X2 อย่างใกล้ชิดมาแล้ว จึงมีพรีวิว (เชิงลึกนิด ๆ) มาฝากกันครับ
สิ่งที่ HP ใช้ชูโรงความเป็น Enterprise เลยคือ ประกัน On-Site Service 3 ปี !! พอร์ตการเชื่อมต่อมากมายอาทิ USB-C Thunderbolt 3, USB-A และ 4G LTE Modem ในตัว (ออพชั่นเสริม) ระบบรักษาความปลอดภัยระดับองค์กร อุปกรณ์เสริมเพียบ สุดท้ายวัสดุโลหะผสมอลูมิเนียมแบบเดียวกับเครื่องบิน ที่มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ ผ่านการทดสอบจาก Military Standard (MIL-STD) อีกด้วย
หน้าจอ
ตัวเครื่องเป็นหน้าจอสัมผัสแบบ Multi-touch (10 จุด) ขนาด 12 นิ้ว ความละเอียด 1,920 x 1,280 พิกเซล Full HD ใช้กระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4 ที่ป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้หน้าจอยังสามารถป้องกันแสงสะท้อนอัตโนมัติตามสภาพแสงที่แตกต่างกันได้ด้วย
ขนาดตัวเครื่อง
ขนาดตัวเครื่องบางเพียง 8.1 ม.ม. ส่วนน้ำหนักหากนับเฉพาะตัวแท็บเล็ตจะอยู่ที่ 840 กรัม จากที่ลองยกดูแล้ว ทั้งตัวเครื่องและตัวคีย์บอร์ด ถือว่าเบาทีเดียวครับ
คีย์บอร์ด
ทาง HP จะแบ่งคีย์บอร์ดของ Elite x2 เป็นสองรุ่นคือ HP Advanced Keyboard รุ่นติดเซ็นเซอร์ NFC (ซื้อแยก) อีกรุ่นจะไม่มี NFC เรียกว่า HP Travel Keyboard ที่มีหน้าตาเหมือนกัน ยกเว้นสัญลักษณ์ NFC ตรง Touchpad ทั้งสองรุ่นจะมีไฟ LED backlit สีน้ำเงินในตัว ส่วนปุ่มกด ทาง HP บอกว่า จะให้ความรู้สึก”หนักแน่น” คือเหมาะสำหรับใครที่ชอบพิมพ์งานเร็ว ๆ หรือมือหนัก ๆ กดแล้วฟินแน่นอน ประมาณนั้น (แอบชอบคีย์บอร์ดตัวนี้มากกว่าของ SF เพราะปุ่มมันไม่ติดกัน : b)
Stylus Pens
ตัวปากกาของ HP หรือ HP Active Pen เป็นปากกา Stylus Pens ที่ผลิตโดย WACOM เหมือนกับ Surface Pro 4 เลยครับ จากที่ลองเล่นเทียบกับทั้งสองรุ่นดูแล้ว บอกเลยว่า ไม่ต่างกัน มีความสามารถเหมือนกันทุกอย่าง ทั้งเซ็นเซอร์บังคับทิศทางการเคลื่อนไหว ปุ่ม App Launch บนปากกา หรือหน้าตา เรียกได้ว่า หากแอบเอาไปสลับกัน ไม่รู้ตัวแน่
ขาตั้ง
ขาตั้งของตัว Elite X2 เป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์อย่างดี สามารถกางได้ 150 องศา จุดสังเกตุด้านหลังตัวเครื่อง มันจะมีระบบสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint อยู่ที่ด้านหลังด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งระบบรักษาเพื่อความปลอดภัยระดับองค์กรที่ทาง HP ชูไว้นี้เอง ส่วนกล้องที่อยู่ด้านหลังนี้ มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อม LED Flash ครับ
Docking Station
จัดเป็นหนึ่งในอุปกรณ์เสริมของ Elite X2 ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยคือ HP Elite USB-C Docking Station จะเรียกว่าเป็น Portable Port แบบครอบจักรวาลก็ไม่ผิดนัก คือมันมีทั้ง พอร์ต USB 3.0 ถึง 5 ช่อง พอร์ต Ethernet LAN (RJ-45) HDMI, Display Port และ USB Type-A ทั้งยังเชื่อมต่อกับตัวเครื่องด้วย USB-C Thunderbolt 3 หายห่วงเรี่องความเร็วในการส่งข้อมูลเลยครับ
ประสิทธิภาพตัวเครื่อง
สำหรับสเปกของ HP Elite X2 จะใช้ซีพียู Core M vPro ทั้งหมดเลย โดยจะแบ่งเป็น 6 รุ่น ตัวเริ่มต้นจะเป็น Core M3-6Y30 ไปจนถึง Core M7-6Y57 ส่วนแรมเริ่มต้น 4GB ถึง 8GB พื้นที่เก็บข้อมูลแบบ SSD เริ่มต้น 128GB ถึง 512GB สำหรับประสิทธิภาพ ความเร็วเครื่อง หรือการประมวลผลนั้น ยังไม่ได้ลองอะไรมาก แต่รวม ๆ ถือว่าเร็วพอควร และด้วยความที่เป็น Core M จึงช่วยให้ตัว HP Elite X2 มีระยะการใช้งานที่นานทีเดียว (ทาง HP บอกเปิดใช้งานเครื่องตั้งแต่เช้า ยันบ่าย แบตฯยังเหลือ 50% กว่า ๆ)
สรุปราคา
ราคาเริ่มต้นที่ของ HP Elite x2 1012 อยู่ที่ 38,990 บาท (ไม่รวมคีย์บอร์ด) โดยจะเป็นรุ่น Core M3-6Y30 RAM 4GB SSD 128GB ส่วนอีก 3 รุ่นขึ้นไป จะมีคีย์บอร์ด HP Travel Keyboard แถมมาทุกรุ่น โดยเริ่มที่สเปก Core M5-6Y57 RAM 4GB SSD 128GB ในราคา 49,990 บาท ที่เหลือก็ Core M5-6Y57 RAM 8GB SSD 128GB ราคา 57,990 บาท และ Core M7-6Y57 RAM 8GB SSD 128GB ราคา 66,990 บาท ทุกรุ่นมาพร้อม Windows 10
***สำหรับใครที่สนใจ ไปสอยกันได้ที่งาน COMMART CONNECT 2016 ระหว่างวันที 17-20 มีนาคม ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
แอบเทียบกันเล็กน้อย : b
