นวัตกรรมสร้างความต่างให้กับหัตถกรรมสิ่งทอของกลุ่มชาติพันธุ์ ด้วยกระบวนการ Upcycling หมุนเวียนเศษวัสดุที่เหลือจากการผลิตแปรรูปเป็นสินค้า เปิดโอกาสสร้างตลาดใหม่ให้กับชุมชน
Innovation Impact พาไปดูจุดเริ่มต้นของหัตถกรรมชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้ “เดอคัวร์” กิจการเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise เข้ามาช่วยยกระดับ เปลี่ยนโฉมแฟชั่นชาติพันธุ์ได้ด้วยดีไซน์ และสร้างเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงวัตถุดิบที่แตกต่างจากแต่ละชุมชน
ยุจเรศ สมนา ประธานกรรมการ บริษัท เดอ คัวร์ จํากัด บอกว่า เชียงใหม่เป็นเมืองที่มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะทักษะฝีมือช่างทอผ้าที่โดดเด่น สร้างเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยทำงานร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ทางภาคเหนือ อย่างกลุ่มม้ง อาข่า กะเหรี่ยง ไทยยอง ไทยใหญ่ และไทเขิน เป็นต้น
ที่ผ่านมาสินค้าที่เป็นหัตถกรรมชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์ยังไม่ค่อยเป็นที่สนใจกับกลุ่มคนไทยเท่าไหร่ ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลับมีความเข้าใจ และให้ความสำคัญกับศิลปะวัฒนธรรม คุณค่า และเรื่องราวที่บ่งบอกความเป็นมาของบ้านเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
“ปัญหาของสินค้าพื้นเมืองส่วนใหญ่คือ คือวิธีการขายและสถานที่จัดจำหน่ายที่ทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้าสวนทางกับคุณภาพ คนซื้อเพราะความสงสารมากกว่าซื้อเพราะว่าเป็นสินค้าที่น่าใช้ จึงทำให้เดอร์คัวร์มองเห็นโอกาสของการเข้ามาเป็นตัวกลาง ช่วยสนับสนุนทั้งการออกแบบ และสถานที่จัดจำหน่าย”
การเล่าเรื่องผ่านผลิตภัณฑ์จึงเป็นจุดเด่น ไม่แพ้ทักษะช่างฝีมือ อย่างงานทอผ้าที่กลายเป็น DNA ของเมืองเชียงใหม่ มีความโดดเด่น และแตกต่างกันไปในแต่ละชนเผ่า ทั้งทอผ้าทำกระเป๋าไปจนถึงสิ่งทอประเภทเคหะ ความโดนเด่นของทักษะฝีมือเมื่อมารวมกับการออกแบบ การเติมวัสดุใหม่ๆ และนวัตกรรมเข้าไปอย่างการทำให้ผ้ามีคุณสมบัติสะท้อนน้ำ กัน UV และ Anti-Bacteria
“การนําเศษวัตถุดิบมาหมุนเวียนใช้ใหม่ (upcycling) จนออกมาเป็นสินค้าหัตกรรมประเภทเสื้อ กระเป๋า และเครื่องประดับตกแต่ง ซึ่งอยู่ในเทรนด์การบริโภคสินค้า Eco friendly หรือสินค้าแห่งความยั่งยืนที่มีแนวโน้มเติบโตสูง” ยุจเรศ กล่าว
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เข้ามาช่วยสนับสนุนโครงการอัตลักษณ์จาก 5 กลุ่มชาติพันธุ์ สู่สินค้าหัตถกรรมประจําถิ่น ได้แก่ ชุมชนชาติพันธุ์กลุ่มหัตถกรรมในจังหวัดเชียงใหม่ (ชุมชนแม่ต๋อม ชุมชนต้นผึ้ง และ ชุมชนเวียงท่ากาน) เชียงราย (ชุมชนผาหมี) และลําพูน (ชุมชนป่าซาง) ก่อนจะขยายไปยัง 20 ชุมชน ณ ปัจจุบัน ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมีชุมชนเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นเท่าตัว
ยุจเรศ บอกว่า โครงการสร้าง Supply Chain ผู้ผลิต เชื่อมโยงระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ เน้นเรื่องการแชร์คุณค่าและมูลค่าของวัตถุดิบตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง รวมถึงการต่อยอดทางการตลาด การเล่าเรื่อง (Storytelling) หรือการทำให้ภาพลักษณ์ออกมาดูดีเพื่อส่งต่อคุณค่าให้กลายเป็นมูลค่ากลับคืนสู่ชุมชน ช่วยเติมเต็มสินค้าด้วยกระบวนการผลิต และต่อยอดทางการตลาดไปพร้อมกัน
“การขยายกำลังการผลิต ต้องเป็นไปพร้อมกับความต้องการ ดังนั้น การที่จะทำให้สินค้าชาติพันธุ์ถูกยอมรับในระดับสากล จึงจำเป็นต้องมุ่งไปที่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันเดอคัวร์มีเครือข่ายที่เป็นพันธมิตรอยู่ในหลายประเทศ เริ่มขยายไปโซนยุโรป โดยเรามองถึงการเข้าร่วมในงานแสดงสินค้า หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เป็น market place สำคัญด้วย” ยุจเรศ กล่าว
ความสำเร็จของโครงการวัดผลจากการกระจายรายได้ให้กับชุมชนไปพร้อมกับการให้การศึกษาด้านภูมิปัญญา ช่วยสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นชาติพันธุ์ จากที่เคยถูกมองว่าเป็นคนกลุ่มน้อย คนชายขอบ สามารถสร้างอาชีพให้กับตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจ
มาร่วมกันหาคำตอบว่า ผลงานนวัตกรรมจะเปลี่ยนโลกได้อย่างไรในรายการ Innovation Impact ได้ทาง PPTV HD 36 รายการโชว์ข่าวเช้านี้ เวลา 08.20 – 09.30 น. และช่องทางโซเชียลมีเดียของ Techhub