Microsoft พยายามเลิกใช้ Control Panel แบบดั้งเดิมมาสักพักใหญ่ และพยายายามผลักดันให้ผู้ใช้หันไปใช้หน้าจอ Settings แบบใหม่แทน
แต่กระบวนการเปลี่ยนถ่ายนี้ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และบ่อยครั้งก็สร้างความสับสนวุ่นวายพอดี กว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการที่ยืดเยื้อนี้ก็คงอีกนาน
ล่าสุด Microsoft ได้ปล่อย Windows 11 รุ่นทดสอบ (Build) ใหม่สำหรับนักทดสอบในโครงการ Insider ทั้งช่อง Dev และ Beta ซึ่งพบว่า ในอัปเดตนี้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการตั้งค่าระบบอีกอย่าง ทำให้ผู้ใช้ Windows 11 มีเหตุผลน้อยลงที่จะต้องกลับไปพึ่งพา Control Panel แบบเดิมๆ คือ
1.ย้ายการตั้งค่าเพิ่มเติมออกจาก Control Panel โดย Microsoft ได้ย้ายการตั้งค่าบางอย่างที่เคยอยู่ใน Control Panel แบบเก่า ไปไว้ในแอป Settings
2.ย้ายการตั้งค่าคีย์บอร์ด โดยการตั้งค่าที่ถูกย้ายไปใน Setting ครั้งนี้คือ
ความหน่วงในการเริ่มกดปุ่มค้างซ้ำ (Keyboard character repeat delay)
อัตราการกดปุ่มค้างซ้ำ (Repeat rate)
ก่อนหน้านี้ไม่นาน Microsoft ก็เพิ่งย้ายตัวเลือกทั้งหมดที่เหลืออยู่ในหน้าต่างคุณสมบัติของเมาส์ (Mouse Properties) ไปยังแอป Settings และตอนนี้ก็กำลังทำเช่นเดียวกันกับการตั้งค่าที่เกี่ยวกับคีย์บอร์ด ตัวเลือกเหล่านี้ยังคงให้ผู้ใช้ปรับแต่งการตอบสนองของแอปพลิเคชันและ Windows ต่อการกดแป้นพิมพ์ได้เหมือนเดิม เพียงแต่ย้ายไปอยู่ในตำแหน่งใหม่เพื่อให้มีความสอดคล้องในการใช้งานมากขึ้น
การทยอยปิดฉาก Control Panel นั้นดำเนินไปอย่างเชื่องช้ามาก Microsoft เริ่มกระบวนการเปลี่ยนหน้าจอการตั้งค่าแบบเก่าตั้งแต่ปี 2020 และได้ยืนยันเมื่อปีที่แล้วว่าจะเลิกใช้ฟีเจอร์นี้อย่างถาวร แต่ก็ยังเลิกไม่ได้
Control Panel เป็นส่วนหนึ่งของ Windows มาตั้งแต่เวอร์ชัน 1.0 ซึ่งเปิดตัวเมื่อ 40 ปีที่แล้ว และมีรูปแบบทันสมัยที่เราคุ้นเคยกันตั้งแต่ Windows 95 โดยเป็นเหมือนโฟลเดอร์พิเศษที่รวบรวมทางลัด ไปยังส่วนการกำหนดค่าต่างๆ ที่เก็บไว้เป็นไฟล์ .cpl ในระบบ
ปัจจุบัน การตั้งค่าส่วนใหญ่ของ Windows สามารถทำได้ผ่านแอป Settings แบบใหม่ทั้งใน Windows 10 และ Windows 11 แล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังคงค้างอยู่ในหน้าต่าง Control Panel แบบเก่าครับ
ไหนใครตั้งค่าในไหนบ้าง มาเล่ากันหน่อยครับ
ที่มา
