รีวิว : D-Link DIR-809 Wireless AC750 Dual Band Router ในราคาย่อมเยา

D-Link DIR-809 เป็น Wireless Router ที่มาพร้อมมาตรฐาน IEEE 802.11ac หรือเรียกสั้น ๆ ว่า 11 AC ที่ช่วยให้การส่งสัญญาณไร้สายมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังมี Dual Band ให้ความคลื่นความถี่ 5Ghz ด้วยความเร็ว 433Mbps และความถี่ 2.4 Ghz 300 Mbps รวมเป็น AC750 (ปัดเศษสวย ๆ) ในราคาเพียงไม่กี่พัน

ในยุคอุปกรณ์ไร้สาย กำลังบูมสุด ๆ นี้เอง ก็ส่งผลให้พวกอุปกรณ์ Router สมัยใหม่ ไม่เพียงพัฒนาแค่ประสิทธิภาพอย่างเดียวแล้ว แต่ได้พัฒนาหลาย ๆ ด้าน เพื่อเอาใจผู้ใช้ให้ได้มากที่สุด อาทิ ต้องใช้งานง่าย ในระดับเสียบปลั๊กแล้วใช้งานได้เลย ดีไซน์ต้องงาม สามารถนำไปตั้งประดับห้องได้โดยไม่ขัดหูขัดตา และสุดท้าย ราคาต้องคุ้มค่า จ่ายไม่มากแต่ได้ฟีเจอร์เกินราคาเป็นต้น สำหรับอุปกรณ์รีวิวในครั้งนี้คือ D-Link DIR-809 เป็น Wireless Router ระดับเริ่มต้น แต่ให้สัญญาณแบบ Dual Band ได้ทั้งคลื่นความถี่ 2.4 Ghz และ 5Ghz ในตัวเดียว รองรับความเร็วสูงสุดที่ AC750 (5Ghz = 433Mbps + 2.4 Ghz = 300 Mbps) มี Quick Router Setup ระบบตั้งค่าที่ใช้งานง่าย มาพร้อมดีไซน์สวยเฉียบ และสุดท้าย ราคาย่อมเยาเพียงไม่กี่พัน แต่ได้สเปกเกินตัว

ข้อมูลสเปก D-Link DIR-809 (รายละเอียดเต็ม ๆ คลิกที่นี้)

Device Interfaces

• IEEE 802.11ac wireless LAN1
• IEEE 802.11 a/b/g/n wireless LAN
• 10/100 fast Ethernet Internet port
• Four 10/100 fast Ethernet LAN ports

LEDs

• Power , Internet , WLAN , LAN (x4) , WPS

Antenna Type

• Three fixed external antennas

Operating Frequency

• 2.4 GHz band: 2400 – 2483.5 MHz
• 5 GHz band: 5150 – 5725 MHz

Standards

• IEEE 802.11ac , 802.11n , 802.11g , 802.11b , 802.11a , 802.3u

Minimum Requirements

• Internet Explorer 9, Firefox 12.0, Chrome 20.0, Safari 4.0, or other Java-enabled browser
• Cable or DSL Modem
• Subscription with an Internet Service Provider

Security

• WPA & WPA2 (Wi-Fi Protected Access)
• WPS (Wi-Fi Protected Setup)

Advanced Features

• Web setup wizard
• DMZ (Demilitarized Zone)
• Firewall – Network Address Translation (NAT)
• Wireless Repeater

Physical

• 190 x 133 x 83 mm
• 228.6 grams

Power

• Input: 100 to 240 V AC, 50/60 Hz

Temperature

• Operating: 0 to 40 °C (32 to 104 °F)
• Storage: -20 to 65 °C (-4 to 149 °F)

Humidity

• Operating: 10% to 90% non-condensing
• Storage: 5% to 95% non-condensing
  

Certifications

• ANATEL , NCC , CCC , BSMI

แกะกล่อง

กล่องมาแบบเรียบ ๆ ในโทนสีขาวตามสไตล์ D-Link ข้างในก็มีเพียงตัว Wireless Router หนึ่งเครื่อง, สาย LAN หนึ่งเส้น, ชุดจ่ายไฟ AC หนึ่งชุด และคู่มือการใช้งานหนึ่งฉบับเท่านั้น

การออกแบบ

แม้จะเป็น Wireless Router ระดับเริ่มต้น แต่ต้องยอมรับว่า ดีไซต์ตัวเครื่องได้สวยเฉียบทีเดียว ทั้งตัวเป็นสีดำล้วน ใช้วัสดุพลาสติกผิวมันเงาสลับกับผิวด้าน แต่ส่วนที่เป็นผิวมันเงาติดลายนิ้วมือกับฝุ่นได้ง่าย ต้องคอยหมั่นเช็ดเป็นบางครั้ง

จากด้านข้าง จะเห็นได้ว่าตัวเครื่องดูเหมือนฝากระโปรงหน้าของรถยังไงยังงั้น

ด้านบนมีช่องระบายความร้อนตลอดแนว

ตัวเครื่องมาพร้อมเสาสัญญาณสามต้น ที่ติดมากับเครื่องเลย (ถอดไม่ได้)

ด้านหลังมีพอร์ต LAN สี่ช่อง พอร์ต WAN 10/100 Mbps หนึ่งช่อง ด้านข้างมีช่องไฟเลี้ยง และปุ่ม WPS ซึ่งหากกดค้างจะเป็นปุ่ม Reset ด้วย

ด้านล่างเป็นแผงระบายความร้อนขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นพลาสติกทั้งหมด เช่นเดียวกับปุ่มรองเครื่องทั้งสี่มุม ก็ไม่ได้เป็นยางด้วย อาจทำให้ยึดเกาะกับผิวโต๊ะได้ไม่ดีนัก

และสุดท้าย ไฟ LED บอกสถานะตัวเครื่อง ที่มีทั้ง Power , Internet , WLAN , LAN (x4) และ WPS

หน้าตั้งค่า

สำหรับหน้า Config หรือส่วนตั้งค่าของ D-Link รุ่น Dir 809 ตัวนี้ หน้าตา UI ดูเล็ก ๆ และโบราณไปนิด ในหน้าแรกจะเป็น Easy Setup มันจะให้เราตั้งรหัส WiFi ใหม่ของทั้งคลื่น 2.4 GHz และ 5 GHz ก่อนเลย แต่ถ้าเราขี้เกียจตั้งรหัสใหม่หรือตั้งใหม่แล้ว ก็คลิกที่ปุ่ม Connect มันจะ Reboot ตัวเองรอบหนึ่ง จากนั้นก็ใช้งานได้เลย หรือจริง ๆ ไม่ต้องตั้งค่าอะไร ตัวเครื่องแค่เสียบปลั๊กต่อสาย Lan ก็ใช้งานได้แล้วครับ

แต่ให้ดีควรมาตั้งรหัสสำหรับเข้าหน้า Config ของตัวเครื่องไว้ก่อนดีกว่า เพราะครั้งแรก เราสามารถกดปุ่ม Login เข้าสู่หน้าตั้งค่านี้โดยไม่ต้องใช้รหัสใด ๆ เลย

ถัดจากหน้า Easy Setup ก็เข้าสู่หน้าตั้งค่าใช้งานพื้นฐาน ก็มีทั้งตั้งค่า DHCP, WAN, Wireless Setting และ Network Setting ซึ่งรวมอยู่ในนี้แล้ว

ในหน้า Wireless Setting จะเห็นได้ว่า ตัวเครื่องนอกจากใช้เป็น Wireless Router ได้แล้ว ยังสามารถแปลงเป็นตัวขยายสัญญาณ Access Point หรือเป็น Repeater ได้ด้วย โดยใช้ได้ทั้งคลื่น 2.4 GHz และ 5 GHz กันเลย

สำหรับใครที่มีความรู้ด้าน Network หรือเป็น Admin ก็จะมีตั้งค่าในส่วน Advanced ซึ่งตัวเครื่องสามารถทำ Virtual Server ได้ กำหนดการใช้งานสำหรับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เชื่อมต่อได้ กำหนความปลอดภัย และอื่น ๆ ตามภาพเลยครับ

การตั้งค่าตัวเครื่อง ใครที่อยากตั้งรหัสเข้าหน้า Config ใหม่ ให้มาดูในหน้า Tools ที่หัวข้อ Admin ได้เลย หรือตั้งค่าส่วนอื่น ๆ ตามใจเรา

เช็คสถานะตัวเครื่องอย่างละเอียด

หน้ารวมคู่มือใช้งานฟีเจอร์ทั้งหมดของตัวเครื่อง

ทดสอบประสิทธิภาพ

ในการทดสอบ ก็จัดแบบบ้าน ๆ โดยเอาตัว D-Link Dir 809 มาต่อกับ Modem Router ที่บ้าน แล้วให้กระจายสัญญาณ 2.4 GHz และ 5 GHz จากนั้นก็ใช้โน๊ตบุ๊ค (Lenovo ideapad 100s 14″) รับสัญญาณ Wi-Fi

ลองทดสอบด้วยโปรแกรม Lan Speed Test ตั้งการรับ-ส่งข้อมูลที่ 5GB ความเร็วได้ตามนี้เลย

ทดสอบความแรงของสัญญาณด้วยโปรแกรม inSSider เริ่มจากรับสัญญาณภายในห้องเดียวกัน สำหรับคลื่น 2.4 GHz ก็ได้ไปที่ -58 dBm ส่วน 5 GHz ได้ไป -56 dBm จัดว่ากำลังดี

ลองถอยห่างไปอีกสามห้อง พร้อมปิดประตูห้องทุกบาน ผลที่ได้ก็ยังน่าพอใจ แม้จะมีค่า dBm ติดลบมากขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะคลื่น 2.4 GHz ที่เริ่มตีกันมันต่างจากตอนแรก แต่ตัว D-Link Dir 809 ก็ยังเอาอยู่

สุดท้าย ลองถอยห่างจากบ้านไปอีกสามหลัง (เป็นทาวน์เฮ้าส์) ก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงล่ะ ความแรงสัญญาณเริ่มอ่อนลงตามสภาพ คลื่น 2.4 GHz ยังพอใช้ได้อยู่ แต่คลื่น 5 GHz ดับไปเรียบร้อย

สรุป

อย่างที่เกริ่นไปตอนแรก อุปกรณ์ Router สมัยใหม่ นอกจากประสิทธิภาพแล้ว ต้องใช้งานง่าย สวย และไม่แพง สำหรับตัว D-Link DIR-809 ก็ตอบโจทย์ได้พอสมควรครับ ด้านประสิทธิภาพ จากการทดสอบก็เห็นแล้วว่า สามารถปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ได้ไกลเกินคาด ทะลุทะลวงได้ดีทีเดียว ส่วนการใช้งาน ตัวเครื่องสามารถเสียบปลั๊กแล้วใช้งานได้เลย (สำหรับใครที่ขี้เกียจเปลี่ยนรหัส Wifi กับรหัสเข้าหน้า Config) และในหน้า Config หรือหน้าตั้งค่านั้น แม้หน้าตา UI ดูเก่าไปหน่อย ใช้เวลาโหลดแต่ละครั้งนานไปนิด แต่ก็ใช้งานไม่ยุ่งยากอะไร เพราะการตั้งค่าที่จำเป็นทั้งหมดก็รวมอยู่ในหน้าเดียวแล้ว สำหรับดีไซน์ตัวเครื่อง จัดว่าสวยเลยครับ เหมือนรถสปอร์ต ถ้าไม่ติดลายนิ้วมือกับฝุ่นง่ายจะดีมาก และสุดท้ายราคา ตัว D-Link DIR-809 Wireless AC750 Dual Band Router ราคาอยู่ที่ 1,350 บาทเท่านั้น (บางที่ขาย 1,190 บาท) นับว่าถูกและคุ้มค่ามาก ๆ หากใครกำลังหา Wireless Router ระดับเริ่มต้นแจ่ม ๆ ลองดูตัวนี้เลยครับ

ข้อดี

• เป็น Dual Band ให้สัญญาณได้ทั้ง 2.4 GHz และ 5 GHz
• กระจายสัญญาณ Wi-Fi ได้แรง
• ทำ Access Point หรือ Repeater ได้ง่าย ๆ
• ใช้งานไม่ยาก
• ดีไซต์สวย
• ถูก

ข้อสังเกตุ

• หน้า Config ดูเก่าไปหน่อย
• ตัวเครื่องติดรอยนิ้วมือกับฝุ่นง่าย