รีวิว Meizu MX 5 ของเขาแน่ ที่ต้องบอกต่อ

ช่วงปีที่ผ่านมาค่ายสมาร์ทโฟนจากแดนมังกร ประเทศจีน ลุยเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ ในไทยกันอย่างคึกคัก ซึ่ง CK และทีมงาน aripfan ก็พลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปงานเปิดตัวหลายต่อหลายงาน โดยหนล่าสุดได้ร่วมงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนของค่าย Meizu (เหม่ยซู) กับสองรุ่นใหม่อย่าง Meizu M2 และเรือธงล่าสุด Meizu MX 5 และในวันนี้ CK มีโอกาสได้สัมผัสและลองใช้ “Meizu MX 5” แบบเต็มๆ จึงอยากมาเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้รับชมกันครับ

m27

บอกเล่าสเปค Meizu MX 5 เล็กน้อยครับ

– หน้าจอ AMOLED ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3

– น้ำหนัก 149 กรัม ตัวเครื่องบาง 7.6 มิลลิเมตร

– รัน Android 5.0.1 Lollipop อินเตอร์เฟซ Flyme OS 4.5

– กล้องหลัง 20.7 ล้านพิกเซล f/2.2, แฟลช LED พร้อม Laser Focus

– กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล f/2.0

– ชิปประมวลผล MediaTek Helio X10 Turbo processor ARM Cortex-A53 2.2 GHz x 8

– แรม 3GB, พื้นที่เก็บข้อมูล 32GB 

– รองรับ NANO SIM ได้ถึง 2 ซิม

– ใช้คลื่น 3G และ 4G ได้

– แบตเตอรี่ความจุ 3150 mAh

– ราคาเปิดตัว 10,990 บาท

ขอเริ่มตั้งแต่ตัวกล่องเลยละกันครับ มาในแบบเรียบๆ โทนขาว เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบสมุดแข็งที่เป็นทั้งคู่มือและกล่องบรรจุ Meizu MX 5 อีกชั้นหนึ่ง ถัดจากนั้นจะเป็นอุปกรณ์ประเภทสาย USB, อะแดปเตอร์ และเหล็กแท่งสำหรับกดถาดซิมการ์ด ไม่มีหูฟังแถมมาให้

ตัวเครื่อง Meizu MX 5 ด้านหน้าให้ความรู้สึกที่ไม่ต่างอะไรกับสมาร์ทโฟน Android ขนาด 5.5 นิ้ว ของหลายๆ ค่าย ด้านบนแบ่งเป็นกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, ลำโพงสนทนา และเซนเซอร์วัดแสง ส่วนด้านล่างเป็นปุ่มโฮมสามารถทำงานได้หลายรูปแบบ เช่น สแกนลายนิ้วมือ, เป็นปุ่ม back หรือย้อนกลับ (เพียงแค่แตะ) และเป็นปุ่มสำหรับปิดหน้าจอ

m15

ตัวเครื่องขอบตัวเครื่องด้านบนจะมีพอร์ต headphone jack กับ microphone ส่วนขอบด้านล่างจะมีพอร์ต USB, microphone และลำโพง ขณะที่ขอบด้านซ้ายเป็นถาดที่ใช้ใส่ซิมการ์ด ประเภท NANO SIM ได้ 2 ซิม และขอบด้านขวามีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง กับปุ่มพาวเวอร์หรือเปิด-ปิดเครื่อง

m19

พลิกด้านหลังทาง Meizu เลือกใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลัก มีเส้นรับสัญญาลากผ่านตัวเครื่องทั้งด้านบนและด้านล่าง มีกล้องหลังความละเอียด 20.7 ล้านพิกเซล เลนส์นูนขึ้นมาเล็กน้อยแถมครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 เพื่อกัดรอยขีดข่วน พร้อมกันนี้ถัดลงมาจากกล้องจะเป็นแฟลช และ Laser Focus เครื่องมือที่ช่วยให้การจับภาพมีความแม่นยำมากขึ้นขณะถ่ายภาพ

ภาพรวมของตัวเครื่อง Meizu MX 5 การดีไซน์ให้ความรู้สึกถึงความพรีเมี่ยม น่าจับมากๆ ครับ ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับการเลือกวัสดุที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว การหยิบจับด้วยมือของผมเองที่ไม่ได้ใหญ่มากถือว่าถนัดพอสมควรครับ แต่การจะใช้งานด้วยมือเดียวคงไม่ถนัดนักครับ

m24

เทคนิคเล็กๆ สำหรับมือใหม่หัดใช้ Meizu MX 5

m23

ต้องขอบอกเลยว่าเจ้าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ไม่มีปุ่ม back หรือย้อนกลับ และปุ่ม Recent app หรือปิดแอพที่ไม่ใช้งาน ซึ่งแน่นอนละครับว่าเป็นปัญหากับตัว CK เหมือนกันเมื่อใช้งานแรกๆ แต่เมื่อใช้งานไปสักระยะก็เริ่มรู้ละครับว่า ปุ่มโฮมที่นอกจากกดแล้วพากลับไปยังหน้าหลัก กดค้างเพื่อปิดหน้าจอ เป็นปุ่มสแกนลายนิ้วมือได้ในตัวแล้ว เพียงแค่แตะ ! ย้ำนะครับว่าแค่แตะปุ่มโฮม มันก็จะกลายเป็นปุ่ม back ที่พาเราย้อนกลับไปหน้าใช้งานก่อนหน้าได้

ส่วนการปิดแอพที่ไม่ใช้งาน หรือ Recent app ล่ะ ต้องทำอย่างไร ? ไม่ยากครับ แค่ใช้นิ้วปาดขึ้น ! ย้ำนะครับว่าปาดขึ้น บริเวณด้านข้างของปุ่มโฮมจะซ้ายหรือขวาก็ได้ เพียงเท่านี้ด้านล่างของจอแสดงผลจะแสดงแถบรวมแอพที่เปิดใช้งานทิ้งไว้ ให้เราสามารถแตะที่แอพแล้วปาดขึ้น เพื่อปิดแอพที่เปิดทิ้งไว้และไม่ใช้งานได้ครับ

ส่วนของชิปประมวลผล ใช้ MediaTek Helio X10 Turbo processor ARM Cortex-A53 2.2 GHz x 8 แบบ 64-bit ซึ่งการทดสอบด้วยแอพ Antutu Benchmark ยอดฮิต คะแนนแตะระดับ 5 หมื่นนิดๆ นับว่าแรงพอตัวเมื่อเทียบกับราคาหมื่นต้นๆ แม้อันดับใน Antutu จะไม่ติดท็อปเท็น แต่ความลื่นของการทัช การตอบสนองต่อการเรียกใช้งานต่างๆ นับว่าดีเยี่ยมเลยทีเดียว เรียกได้ว่าสมาร์ทโฟนในระดับราคาเดียวกัน หรือไม่เกิน 2 หมื่น ต้องมีหนาวๆ ร้อนๆ กันบ้างล่ะครับ

มาดูฝั่งซอฟต์แวร์กันบ้าง อย่างที่บอกไปในช่วงแนะนำสเปคว่า Meizu MX 5 รัน Android 5.0.1 Lollipop พร้อมใช้อินเทอร์เฟซ Flyme OS 4.5 ครอบทับอีกชั้นหนึ่ง แต่โดยรวมแล้วลักษณะของแอพ, เมนูต่างๆ ใช้พื้นฐานของ Android Lollipop ทำให้หน้าตาออกมาดูแบนเรียบตามแบบฉบับ Material Design

อินเทอร์เฟซ  Flyme OS 4.5 เจริญรอยตามสมาร์ทโฟน Android รุ่นใหม่ๆ หลายรุ่น ที่เลือกตัด app drawer หรือหน้ารวมแอพทั้งหมดทิ้งไป เพื่อให้การเรียกใช้แอพสามารถทำได้ง่าย ลดความซ้ำซ้อน

การเข้าเมนูสำหรับตั้งค่าต่างๆ การจัดเรียงรูปแบบดูไม่เหมือนสมาร์ทโฟน Android รุ่นอื่นๆ ตัวไอคอนของเมนูแต่ละประเภทจะเรียงอยู่ซ้ายมือ ส่วนด้านขวาจะคอยแสดงตัวเลือกต่างๆ ในเมนูเหล่านั้น

ในฟีเจอร์ต่างๆ ที่มากับ Meizu MX 5 ทันที ได้แก่ โหมดประหยัดพลังงาน, การสแกนลายนิ้วมือ ที่สามารถใช้ล็อคหน้าจอ, ชำระเงินแบบไร้สาย หรือล็อคแอพได้, มีเมนู TouchPal ที่สามารถเข้าไปตั้งค่าทั่วไปของคีย์บอร์ดได้ เช่น การขยายความใหญ่ของคีย์บอร์ด สำหรับคนมือใหญ่ เป็นต้น

การวาดหน้าจอเป็นตัวอักษรในขณะหน้าจอปิดอยู่เพื่อเรียกใช้งานแอพก็สามารถทำได้ แถมยังกำหนดตัวอักษรที่วาดได้ด้วยว่าจะสำหรับเรียกใช้แอพอะไร นอกจากนี้ยังมี SmartTouch การเปิดใช้งานปุ่ม Virtual Home หรือปุ่มโฮมลอยบนหน้าจอ สำหรับใช้ในกรณีที่บางคนอาจจะกลัวปุ่มโฮมมันจะพังง่าย

เรื่องแบตเตอรี่ทาง Meizu MX 5 พกความจุมา 3,150 mAh ถือว่าใหญ่พอตัว จากการทดสอบใช้งานตามกิจวัตรประจำวันของ CK เอง ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำๆ เช่น เปิด Facebook, แชท LINE, ดู Instagram, ถ่ายรูปบ้างนิดๆ หน่อยๆ แบตยังเหลือๆ สบายหายห่วงครับ แถมหากเปิดใช้โหมดเน้นประสิทธิภาพหรือโหมดประหยัดพลังงานก็ยังสามารถใช้งานข้ามไปวันถัดไปได้อีกพอสมควรครับ

การถ่ายภาพ

เป็นอีกหนึ่งทีเด็ดที่ Meizu เอาใจทั้งคนชอบถ่ายภาพหรือเพิ่งหัดถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน ด้วยกล้องหลังที่นำพาความละเอียดมาถึง 20.7 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่าแค่เห็นตัวเลขก็น่าจะพอสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าภาพที่ถ่ายออกมาจะคมชัดขนาดไหน ซึ่งหลังจาก CK ทดลองใช้พบว่าการโฟกัสไปที่วัตถุที่เราต้องการมีความรวดเร็ว ก่อนถ่ายภาพสามารถแตะหาจุดที่ต้องการโฟกัสได้ พร้อมกันนี้ยังเลือกใช้โหมดต่างๆ ได้ง่ายๆ เพียงปัดหน้าจอถ่ายภาพไปทางซ้ายหรือขวาหรือจะปัดลงมาก็ได้ ซึ่งจะแสดงเป็นโหมดต่างๆ ให้เลือกใช้ ได้แก่ อัตโนมัติ, คู่มือ, ความสวย, พาโนรามา, Light Field, สแกน, Slowmotion, Microspur

ส่วนกล้องหน้าให้ความละเอียดมาที่ 5 ล้านพิกเซล สามารถใช้โหมดต่างๆ ได้เช่นเดียวกับกล้องหลัง และใครที่ชื่นชอบการเซลฟี่ แนะนำใช้ร่วมกับโหมดความสวยเลยครับ เพราะมีตัวเลือกในการปรับดวงตา, หน้าเรียว ความเนียน ความขาวของใบหน้าได้แบบเรียลไทม์ก่อนที่จะลงมือลั่นชัตเตอร์ด้วย 

เราไปดูตัวอย่างของภาพถ่ายกันครับ 

เริ่มจากกล้องหลังในโหมดปกติ

m9

เปรียบเทียบภาพถ่ายในที่แสงน้อย แบบไม่เปิดแฟลช (ภาพซ้าย) กับแบบเปิดแฟลช (ภาพขวา) 

ถ่ายในโหมด Microspur

m12

ลองเซลฟี่กันบ้าง

ภาพรวมของ Meizu MX 5 ดีไซน์น่าใช้มากๆ ครับ เรื่องกล้องเองถือว่าสร้างความประทับได้เป็นอย่างดี มีโหมดต่างๆ ให้เลือกใช้ง่ายไม่สลับซับซ้อน แบตเตอรี่ที่ใหญ่พอตัว บวกกับโหมดประหยัดพลังงานช่วยให้การใช้งาน 1 วันเต็มได้สบาย ส่วนเรื่องที่ต้องติเล็กน้อย คงเป็นเรื่องการใช้ปุ่ม back กับ Recent app และรูปแบบของเมนูการตั้งค่าครับ ที่ต้องบอกตรงๆ ว่า ใครที่ใช้สมาร์ทโฟน Android รุ่นอื่นมา คงไม่ชินแน่นอน ซึ่งต้องใช้เวลาสร้างความคุ้นเคยในการปรับลักษณะการใช้งานกันเล็กน้อยครับ (อยากรู้วิธีใช้ย้อนขึ้นไปอ่านดูนะครับ) ขณะเดียวกันรุ่นนี้ไม่รองรับ microSD มาให้ อาจเป็นปัญหาสำหรับบางคนที่ชอบโหลดแอพ เก็บข้อมูลเยอะๆ ได้ครับ

และสุดท้ายนี้หากใครที่อยากลองของใหม่ เห็นดีไซน์แล้วชอบ อยากให้ลองดู Meizu MX 5 กับราคา 10,990 บาท ลองแล้วคุ้มค่าครับ หาซื้อได้แล้ววันนี้ผ่าน Lazada ครับ

>>> สนใจคลิกเลย Lazada Meizu MX 5 <<< 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here