สรุปของใหม่ใน Samsung Galaxy S8 และ S8+ และวันวางขาย

เปิดตัวไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ Samsung Galaxy S8 และ S8+ ซึ่งสเปคแอดมินได้สรุปไปแล้วเมื่อโพสต์ก่อนหน้านี้เข้าไปดูย้อนหลังได้ > ที่นี่ < ส่วนในครั้งนี้จะมาสรุปให้ถึง “ความใหม่” ในสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงจาก Samsung รวมไปถึงวันวางขายอย่างเป็นทางการด้วย

1. การออกแบบ

จุดเด่นของจอแสดงผล Samsung Galaxy S8 และ S8+ มาในงานออกแบบที่เรียกว่า “Infinity Display” พร้อมจอโค้งด้านข้าง (dual-edge) ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ซึ่งหน้าจอใช้พื้นที่ไปถึง 80% ไม่มีปุ่ม home ทรงวงรีแบบที่หลายคนคุ้นเคยในสมาร์ทโฟน Samsung แต่ปุ่ม home ได้ปรับไปอยู่บริเวณท้ายของหน้าจอ เช่นเดียวกับปุ่ม back และปุ่ม recent app แต่ทว่าการตัดปุ่ม home แบบดั้งเดิมออกไป ทำให้ Samsung จำเป็นต้องขยับฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือไปอยู่ในเซนเซอร์บริเวณกล้องหลังแทน ส่วนด้านหลังขอบด้านข้างมีลักษณะโค้งเช่นกัน เพื่อให้เกาะกับรูปมือในขณะใช้งานด้วยมือเดียว

ส่วนของการแสดงผลยังมาพร้อมเทคโนโลยี Super AMOLED และเพิ่มความละเอียดการแสดงผลขึ้นเป็น Quad HD+ (2960 x 1440 พิกเซล) มีอัตราส่วนในการแสดงผลเพื่อการรับชมภาพยนตร์อยู่ที่ 18.5: 9 และสามารถเล่นเกมได้เต็มพื้นที่ของหน้าจอ

2. กล้องถ่ายภาพไม่ได้อัพเกรดแบบก้าวกระโดด แต่เติมเต็มให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

แอดมินไม่แน่ใจว่าบางคนจะผิดหวังรึเปล่าที่ S8 และ S8+ ยังใช้กล้องหลังเดี่ยวๆ ไม่เป็นกล้องหลังคู่เหมือนคู่แข่งบางราย แต่จากเทคโนโลยีที่ Samsung นำเสนอในความรู้สึกส่วนตัวก็คิดว่าน่าจะเพียงพอต่อการถ่ายภาพสวยๆ ได้ ซึ่งทั้ง S8 และ S8+ ยังเลือกใช้กล้องหลังแบบ Dual Pixel ที่ 12 ล้านพิกเซล มีระบบกันสั่น Smart OIS ขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีระบบ Auto Focus ซึ่งกล้องทั้ง 2 ด้านใช้ค่ารูรับแสงเท่ากันที่ f/1.7 เพื่อประโยชน์ในการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย สามารถเลือกเมนูหรือโหมดต่างๆ เพียงทัชเลื่อนซ้ายขวาบนหน้าจอขณะเปิดกล้อง

ฟีเจอร์หนึ่งที่เรียกว่า “Superior Images” เป็นตัวเลือกที่ช่วยถ่ายภาพในขณะที่กำลังเคลื่อนไหว ทั้งในสภาพแสงปกติหรือแสงน้อย ฟีเจอร์ดังกล่าวจะทำการถ่ายภาพจำนวน 3 ช็อตพร้อมกัน เพื่อให้เราเลือกภาพที่ดีที่สุดจากทั้ง 3 ช็อต

ส่วนกล้องหน้าจะมีลูกเล่นเพิ่มขึ้น เป็นการแต่งเติมภาพด้วยสติ๊กเกอร์ สามารภใส่ลายต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ก่อนที่เราจะเริ่มกดชัตเตอร์

3. ระบบผู้ช่วยฉลาดๆ นาม “Bixby” คู่แข่ง Siri และ Alexa

เป็นฟีเจอร์ใหม่สำหรับการสั่งงานด้วยเสียง โดยมีระบบผู้ช่วยฉลาดๆ ตัวใหม่ที่เรียกว่า “Bixby” เป็นตัวรับคำสั่งและโต้ตอบกลับมาด้วยเสียง การเรียกใช้ Bixby ทำได้โดยกดปุ่มพาวเวอร์ด้านข้างค้างไว้ จากนั้นจึงเริ่มทำการสั่งงานด้วยเสียงได้ ซึ่งคุณสมบัติสำคัญบางอย่างของ Bixby จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงแอพและตั้งค่าในเมนูต่างๆ ได้ผ่านคำสั่งเสียง สามารถสั่งให้เปิดแอพกล้อง, สั่งค้นหาภาพถ่ายตามช่วงเวลาที่เรากำหนด, สามารถเชื่อมต่อกับ Smart TV เพื่อการสั่งให้ทีวีเปิดได้และมี Bixby Vision ใช้กล้องจับภาพวัตถุตรงหน้าแล้วเข้าสู่หน้าการซื้อขายสินค้าจากเว็บของ Amazon และ Pinterest แต่ทั้งนี้ Bixby ยังรองรับภาษาอังกฤษ และบางภาษาเท่านั้น นอกจากนี้ Samsung จะเปิด API ให้นักพัฒนาเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาได้ด้วย

4. “Samsung DeX” อุปกรณ์เสริมเพื่อการใช้งานเป็นคอมพิวเตอร์

Samsung DeX เป็นแท่นวางทรงกลมสำหรับ S8 และ S8+ เมื่อทำการเชื่อมต่อเข้ากับจอมอนิเตอร์, เมาส์และคีย์บอร์ด ตัวระบบของ Samsung DeX จะช่วยแปลงหน้าจอจาก S8 และ S8+ มาเป็นหน้าจอเฉพาะเพื่อการใช้งานที่เสมือนคอมพิวเตอร์ มีแอพพลิเคชั่นรองรับพอสมควรเพื่อให้การใช้งานที่ง่ายขึ้น ได้แก่  Samsung Browser, MyFiles, Gallery และ Samsung e-mail DeX สามารถทำงานร่วมกับชุดโปรแกรม Microsoft Office และ Adobe Mobile App ได้ด้วย

5. ระบบปลอดภัยด้วย Iris Scanner

หนึ่งในระบบรักษาความปลอดภัยด้วยการสแกนม่านตา หรือ Iris Scanner ที่เพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้นนอกเหนือไปจากสแกนลายนิ้วมือ อาจจะไม่ใช่ของใหม่ซะทีเดียว เนื่องจาก Samsung ได้ใช้ไปแล้วใน Galaxy Note 7 ซึ่งใน S8 และ S8+ เรียกได้ว่าขนระบบการรักษาความปลอดภัยจาก Galaxy Note 7 มาไว้ในที่เดียวกันแทบทั้งหมด อาทิ Samsung KNOX และ “Secure Folder” ระบบป้องกันโฟลเดอร์หรือแอพฯ ที่เป็นความลับ

6. เข้าถึงเทคโนโลยี IoT ได้มากขึ้น ด้วย Samsung Connect

Samsung Connect เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่เป็น IoT ได้ เป็นคุณสมบัติที่ใช้ควบคุมเครื่อใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้ผ่าน S8 และ S8+ แต่ Samsung Connect จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ มาจาก Samsung และรองรับเทคโนโลยี IoT ซึ่งในอนาคตจะรองรับกับอุปกรณ์ของ third-party ผ่าน SmartThings hub ด้วย

7. สีใหม่

S8 และ S8+ มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ Midnight Black, Arctic Silver, Maple Gold, Coral Blue และ Orchid Grey แต่ต้องลุ้นว่าซัมซุง ประเทศไทย จะนำเข้ามาขายครบทุกสีเลยหรือไม่

8. วันวางขาย

S8 และ S8+ เปิดให้จองที่สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 30 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป จะมีเพียง 3 สีที่ให้จอง ได้แก่  Midnight Black, Arctic Silver และ Orchid Grey ซึ่งผู้สั่งจองจะได้รับ Gear VR และอุปกรณ์คอนโทรลเลอร์ ฟรี ! ส่วนกำหนดการณ์ขายจริงในสหรัฐอเมริกาเป็นวันที่ 21 เมษายนนี้ ส่วนประเทศอื่นๆ ยังไม่มีระบุ เช่นเดียวกับราคาที่ยังไม่มีการเปิดเผยในเวลานี้เช่นกัน

ที่มา Samsung Newsroom และ Engadget

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here