SAS เปิดตัว Smart grid โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่จะช่วยให้การคิดค่าไฟ มีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

แซส เปิดตัวเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรมพลังงานและบริการสาธารณูปโภค “Smart grid” ที่จะใช้มิเตอร์อัจฉริยะติดตั้งตามบ้านหรือองค์กร รายงานพฤติกรรมการใช้พลังงานไฟ้ฟ้าผ่าน “โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ” ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถพัฒนาและแก้ไขปัญหาการใช้ไฟฟ้าได้ตรงจุดกว่าเดิม และอาจช่วยทำให้ประหยัดค่าไฟได้ด้วย
ทวีศักดิ์ แสงทอง (ซ้าย) ซัทยาจิต ดวิเวดิ (ขวา)SAS Institute Inc. บริษัทผู้นำในตลาดซอฟต์แวร์และบริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ (Business Analytics) ระดับโลก เปิดตัวเทคโนโลยี เครือข่ายวิเคราะห์ข้อมูลอิจฉริยะ “Smart Grid” หรือ โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่จะใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ (BI) มาใช้ในการควบคุมจัดการบริการให้พลังงานแก่คนภายในประเทศ ทำให้สามารถรับทราบถึงพฤติกรรมการใช้พลังงานของแต่ล่ะรายได้ละเอียดมากขึ้นผ่านมิเตอร์อัจฉริยะที่จะมีการติดตั้งหลังจากนี้ และเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด (เช่น ไฟดับ เป็นต้น) กับส่งผลทำให้ เราสามารถรับรู้การใช้งานไฟฟ้าอย่างละเอียด จนเราวางแผนการใช้งานไฟฟ้าในแต่ละวันได้ และสามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้พอดีกับความต้องการโดยที่ไม่ขาดไม่เกิน ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากกว่าเก่า 

smart grid 01                                                            แผนผังโครงข่าย Smart Grid  (ดูแบบเต็มๆได้ที่นี้)

นายซัทยาจิต ดวิเวดิ ผู้อำนวยการด้านพลังงานและการวางแผนกลยุทธ์ SAS Institute Inc. กล่าวว่า
“เทคโนโลยีสมาร์ทกริด ปัจจุบันมีตัวอย่างของความสามารถใหม่ๆ ที่สามารถขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นได้ อาทิ การคิดอัตราค่าไฟฟ้าที่แตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงเวลาที่ใช้งาน (time-of-use) การบริหารจัดการระบบไฟฟ้าขัดข้องที่มีความซับซ้อน และการตรวจจับการลักลอบใช้ไฟฟ้า เป็นต้น และทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ และอัตราการใช้พลังงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ที่อาจก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศ

หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงกิจการสาธารณูปโภคด้านไฟฟ้า อันเนื่องมาจากแนวทางการกำกับดูแล การควบคุม โลกาภิวัตน์ และความยั่งยืนต่างๆ และนี่คือข้อเท็จจริงบางประการที่แสดงถึงปริมาณของระดับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

  • โดยคาดการณ์ว่าทั่วยุโรป จะมีการติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ 240 ล้านเครื่อง ภายในปี 2563
  • โดยในปี 2578 ผู้ผลิตไฟฟ้าของจีนและอินเดีย จะใช้ถ่านหินในการผลิตเพิ่มขึ้ 3 เท่าจากปี 2533
  • เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ค้าปลีกกิจการสาธารณูปโภค รายหนึ่งในตลาดที่มีการแข่งขัน พบว่ามีอัตรายกเลิกใช้บริการของลูกค้า 17% ในช่วงเวลา 6 เดือน ขณะที่ในภูมิภาคหนึ่ง มีอัตรายกเลิกสูงถึง 26%
  • สัดส่วน 30% ของแรงงานในภาคกิจการสาธารณูปโภคของยุโรป อยู่ในช่วงวัยอายุสูงกว่า 50 ปี

ในข้อมูลนี้สะท้อนภาพว่า บริการในกิจการสาธารณูปโภค กำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันของการส่งมอบบริการจากสภาพแวดล้อมที่มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ในการช่วยทำงานในระดับสูง ด้วยอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อ, ตอบสนองความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นในประเทศที่กำลังพัฒนา, และความคาดหวังในการรักษาลูกค้าไว้ให้ได้สำหรับตลาดที่มีการยกเลิกกฎเกณฑ์การกำกับดูแลอย่างสมบูรณ์แล้ว อย่างไรก็ตาม โชคร้ายที่ธุรกิจกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือแทบจะในระดับเดียวกันกับองค์ความรู้ที่กำลังหดหายไปเรื่อยๆ”

นายซัทยาจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า “กิจการสาธารณูปโภคแถวหน้าในปัจจุบันควรจะต้องหาเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลเข้ามาช่วย ท่ามกลางสถานการณ์ที่ย่ำแย่ หลายองค์กรต่างก็กำลังใช้ข้อได้เปรียบของจุดที่มาบรรจบกันของกลไกตลาดเพื่อทำให้การบริหารจัดการข้อมูลพลังงานขนาดใหญ่ และความสามารถด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขององค์กรทันต่อสถานการณ์ได้”

ทั้งนี้ยังชี้ว่า หลังมีงานวิจัยจากโอวุ่ม (Ovum) ที่บอกว่า เฉพาะมิเตอร์อัจฉริยะ และโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ไม่สามารถนำข้อมูลเชิงลึกที่จะมาเปลี่ยนแปลงการทำงาน (actionable insight) หรือการสร้างความแตกต่างทางการแข่งขันออกมาได้ เพราะถ้ามิเตอร์แบบใหม่นี้จะมาเพิ่มประสิทธิภาพบริการสาธารณูปโภคให้มีความอัจฉริยะ ก็ต้องทำผ่านซอฟต์แวร์และบริการการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจอัจฉริยะ (BI) ด้วยโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมจึงจะช่วยให้ระบบสาธารณูปโภคนั้นมีความฉลาด
DSC_2798                                     มิเตอร์อัจฉริยะ หรือ Smart Meter ที่จะมีติดตั้งที่บ้านเราในอนาคต

ในขณะที่ ข้อมูลที่เกือบจะเรียลไทม์บนโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง  การวิเคราะห์ก็กำลังถูกประยุกต์ใช้ในการกำหนดสถานการณ์ที่ดีที่สุด เพื่อนำส่งพลังงานที่เชื่อถือได้ไปสู่ผู้บริโภคปลายทาง ยกตัวอย่างเช่น
ผู้ให้บริการสาธารณูปโภค ออกแคมเปญรับสมัครลูกค้าเข้าร่วมโครงการความร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้า (Demand Response Programs) วิเคราะห์ว่าในแต่ละเดือนจะจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้เข้าร่วมโครงการที่มีการปรับแต่งอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสิ้นเปลือง ในช่วงเวลาที่ระบบมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง

รวมทั้งลูกค้าที่สมัครเข้าร่วมโครงการแต่ละราย จะมีการปรับลดปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าในระบบในอัตราที่แตกต่างกัน โดยผู้ให้บริการสาธารณูปโภคต้องกำหนดลงไปเลยว่า ลูกค้ารายใด กำหนดตารางเวลาในการลดความต้องการใช้พลังงานในช่วงเวลาไหน และในช่วงเวลาใด และเป็นระยะเวลานานเท่าไร ซึ่งในการกำหนด บริการสาธารณูปโภค ย่อมมีข้อมูลจำนวนมาก  และรูปแบบการจำลองที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่า สามารถสนับสนุน การตัดสินใจนี้ได้ และสามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ย่อมเป็นทางเลือกที่ดี”

นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ในการจัดการโครงข่ายที่มีความซับซ้อน หรือใกล้เคียงกันอย่างโครงข่ายโทรคมนาคม และกิจการสาธารณูปโภค จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงคุณภาพของการให้บริการ การส่งมอบพลังงาน โดยมุ่งเน้นไปยังพื้นที่ที่มีผลตอบแทนการลงทุนที่สำคัญไว้คือ

การวางแผนที่ดี เพราะไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดเพื่อสร้างผลกำไร หรือการประมาณการณ์ความต้องการในการผลิตกระแสไฟฟ้าในระยะยาว การบูรณาการระหว่างเครื่องมือผลิตพลังงานขนาดเล็ก และพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ รวมทั้งความสามารถของผู้ให้บริการในกิจการสาธารณูปโภค ในการนำส่งกำไรต่างๆ จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เมื่อมีวางแผนการขับเคลื่อนข้อมูลพลังงานที่ถูกต้อง

การเข้าถึงข้อมูลลูกค้าเชิงลึก ทั้งนี้จะเห็นว่าทุกๆ ปี องค์กรด้านพลังงานมีการตัดจำหน่ายลูกหนี้เป็นหนี้สูญนับล้านราย เนื่องจากลูกค้าเหล่านี้ไม่ชำระค่าใช้ไฟฟ้า  ทำให้กิจการบริการสาธารณูปโภคเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากผู้ถือหุ้น และหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อลดความสูญเสียเหล่านี้ให้เหลือน้อยที่สุด และขณะเดียวกัน ก็ยังคงต้องให้บริการกับผู้บริโภคที่มีแนวโน้มจะไม่จ่ายค่าบริการต่อไป ดังนั้นการวิเคราะห์ข้อมูลในแนวทางการเข้าถึงลูกค้าจะสามารถช่วยให้บริการสาธารณูปโภคพิจารณาถึงความต้องการในการดูแลตามกฎระเบียบที่สมเหตุสมผล ร่วมกับการสร้างแบบประเมินความเสี่ยงสำหรับลูกค้าทุกรายบนพื้นฐานของการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ รวมทั้งรูปแบบการใช้พลังงานของลูกค้าแต่ละราย และประวัติการชำระเงิน  ซึ่งในสถานการณ์ตลาดที่มีการแข่งขัน บริการด้านสาธารณูปโภค การวิเคราะห์ข้อมูลที่ดีสามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้า ด้วยการจับคู่ข้อเสนอที่เหมาะสม และมีความหลากหลายให้กับลูกค้าที่วิเคราะห์แล้วว่า “ใช่” โดยวิธีการสื่อสารที่เหมาะสม เพื่อให้กระบวนการข้อเสนอกับลูกค้าเกิดประโยชน์สูงสุด  ในขณะที่บริการกิจการสาธารณูปโภค กำลังเปลี่ยนไปสู่การวิเคราะห์ขั้นสูง ( Advanced Analytics) เพื่อจัดกลุ่มลูกค้า ทั้งกลุ่มที่ ”ชอบ” และ “ไม่ชอบ” จากนั้นก็ทำการประเมินคะแนนความโน้มเอียงของลูกค้า เพื่อเปลี่ยนไปยังข้อเสนอที่แตกต่างกัน

ความเสี่ยง บริการสาธารณูปโภคต้องบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการซื้อขาย วิกฤติสินเชื่อที่เกิดขึ้นทั่วโลก แสดงให้เห็นว่ากิจการสาธารณูปโภคหลายรายเห็นแล้วว่ารูปแบบความเสี่ยงของพวกเขาแคบเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมความสามารถของพวกเขาในการวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวทางการตลาด, การชี้วัดลูกหนี้ธุรกิจเอกชนและการพัฒนามาตรการลดผลกระทบต่างๆ ซึ่งการวิเคราะห์ขั้นสูงด้วยเทคโนโลยีจะช่วยให้บริการสาธารณูปโภคมีความสามารถผสานรวมข้อมูลทั้งจากภายนอกและภายใน และเปลี่ยนรูปแบบมาสู่สารสนเทศที่มีประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อบ่งบอกสถานะความเสี่ยงได้อย่างเที่ยงตรง

แนวทางการปฏิบัติงาน เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลพลังงานของแซส สามารถวิเคราะห์ลงลึกไปถึงการดูแลอุปกรณ์จ่ายไฟฟ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหม้อแปลงไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อื่นที่เกี่ยวข้องในแผนกการบำรุงรักษา โดยจะมีระบบบริหารจัดการเพื่อให้อุปกรณ์ใช้งานได้นาน ช่วยยืดอายุเวลาของอุปกรณ์ และสามารถคาดการณ์ความเสียหายของอุปกรณ์ไว้ล่วงหน้า ในอุปกรณ์ที่ทำงานมานาน เนื่องจากอุปกรณ์จ่ายไฟฟ้าเหล่านี้ เป็นต้นทุนที่สำคัญในธุรกิจสายส่งไฟฟ้า ซึ่งองค์กรมีการใช้จ่ายลงทุนอุปกรณ์เหล่านี้ในแต่ละปีมหาศาล

ปัจจุบันกิจการสาธารณูปโภคในตลาดเอเชียแปซิฟิก และอเมริกาเหนือ ให้ความสำคัญกับการลงทุนในอุปกรณ์ใหม่ที่เรียกว่า “Synchrophasors” หรือชุดตรวจจับ เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของเฟเซอร์แรงดันในระบบไฟฟ้า (PMU) โดยชุดอุปกรณ์ PMU นี้สามารถตรวจวัดแรงดันและทราบข้อมูลการส่งกระแสไฟฟ้าแรงสูงได้ด้วยความเร็วสูง จากการบันทึกโดยทั่วไปอยู่ที่ความถี่ 30 ครั้งต่อวินาที เปรียบเทียบกับเทคโนโลยีแบบเดิมที่ทำการบันทึกได้เพียง 1 ครั้งต่อ 4 วินาที   โดยการวัดแต่ละครั้ง จะมีการประทับตราเวลาเพื่อสร้างมุมมองวิเคราะห์แบบองค์รวม ของกระแสไฟฟ้าบนโครงข่ายระบบสายส่งไฟฟ้า

ด้วยซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่นด้านการวิเคราะห์ข้อมูลของแซส ในอุปกรณ์ “Synchrophasors” จะช่วยให้การบ่งชี้จุดที่มีความผิดปกติ แรงดันความเครียดของสนามไฟฟ้าบนโครงข่ายทำได้ดียิ่งขึ้น และยังสามารถนำไปใช้เพื่อกำหนดสัญญาณเตือนระดับความเสี่ยง ด้วยปฏิบัติการที่ถูกต้องเพื่อรักษาไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของธุรกิจ”

“ บ่อยครั้งที่บริการสาธารณูปโภค คาดการณ์ถึงความสามารถในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมหาศาลของข้อมูลใหม่ๆ เพื่อสร้างให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจกรรมธุรกิจประจำวันของบริการด้านนี้ “ไว้ต่ำเกินไป”  ผลลัพธ์ก็คือ ข้อมูลสารสนเทศที่มีค่า จึงยังคงติดกับอยู่ในไซโลของข้อมูลที่ไม่มีใครนำไปใช้ได้ และบริการสาธารณูปโภค ก็ยังมีผลการปฏิบัติการต่ำกว่าที่คาดหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องที่มีความสำคัญยิ่งหลายด้าน เช่น คุณภาพของข้อมูลการวัด, การบริหารจัดการสินทรัพย์ และงานบริการลูกค้า ความเป็นผู้นำของผู้บริหาร จะต้องสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านขั้นพื้นฐาน จากหน่วยธุรกิจที่แยกออกจากกันให้เป็นองค์กรหนึ่งเดียว ซึ่งให้ความสำคัญกับการแบ่งปันสารสนเทศ และคุณภาพข้อมูล  ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากแนวทางนี้ ควรสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการพลังงาน รุ่นใหม่ๆ ตลอดจนบุคลากรซึ่งอยู่ในวัยใกล้เกษียณ  ซึ่งในปัจจุบันธุรกิจด้านสาธารณูปโภค ยังอยู่ภายใต้การปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้สามารถเกาะติดกับสถานการณ์ของความเปลี่ยนแปลง รวมถึงการส่งมอบคุณค่าทางธุรกิจจากการลงทุนด้านโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ” นายทวีศักดิ์ กล่าวสรุป

สำหรับใครที่อยากรู้ว่า Smart Grid คืออะไร ลองดูคลิปวิดีโออธิบายนี้ดูได้ครับ

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here