TopGolf สุดไฮเทค ฝั่งชิปลูกกอล์ฟบอกตำแหน่ง ตรวจจับเคลื่อนไหว ใช้ AR

หากพูดถึง ‘กอล์ฟ’ หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “กีฬาคนรวย” หรือกีฬาสำหรับคนมีอายุ จนอาจทำให้กอล์ฟกลายเป็นกีฬาที่ห่างไกลกับคนรุ่นใหม่ไปปริยาย ทว่าพอเป็น ‘เกมกอล์ฟ’ จากในเครื่องเล่นเกมคอนโซล หรือเกม PC ที่รู้จักกันดีอย่าง “PangYa” มันกลับกลายเป็นเกมยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ได้อย่างน่าแปลก อะไรคือสิ่งที่ทำให้กอล์ฟกับเกมกอล์ฟต่างกันแบบนี้ได้ ? ในวันนี้เราจะพามารู้จักกับสนามไดร์ฟกอล์ฟแห่งหนึ่ง ที่ได้เอาสารพัดเทคโนโลยีมาประยุกษ์ใช้ จนทำให้การเล่นกอล์ฟในชีวิตจริง กลับได้อารมณ์เหมือนเล่นเกม PC ยังไงยังงั้น

รู้จักกับ TopGolf

ปกติสนามไดร์ฟกอล์ฟ มักจะเป็นที่สำหรับคนเล่นกอล์ฟจริง ๆ เท่านั้น เนื่องจากเป็นที่ฝึกซ้อมสำหรับนักกีฬา หรือคนที่กำลังเรียนรู้ ไม่ก็เล่นเป็นงานอดิเรก (เป็นงานอดิเรก แต่อุปกรณ์ของพวก ‘พรี่ ๆ’ ก็จัดเต็มเหลือเกิน) ฉะนั้นบรรยากาศส่วนใหญ่จะมีความจริงจัง จนห่างไกลกับคำว่าความบันเทิง ทว่า TopGolf ไม่ใช่แบบนั้น สนามไดร์ฟกอล์ฟของ TopGolf จะเน้นความบันเทิงเป็นหลักแทน โดยชูว่าเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ ซึ่งรวมเอาทั้งเกม อาหาร และความสนุกสนาน เข้าไว้ด้วยกัน จบ ครบ ในที่เดียว

ปัจจุบัน TopGolf มีสาขากว่า 70 แห่งทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ดูไบ เม็กซิโก ออสเตรเลีย และเยอรมัน ล่าสุดเพิ่งมาเปิดให้บริการในประเทศไทย ณ เมกาบางนา (Mega Bangna) และเป็นที่แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย โดยในตอนเปิดตัวนั้น ทางผู้เขียนก็ได้มีโอกาสไปร่วมงาน และได้ลองใช้งานสนามมาแล้ว ซึ่งต้องบอกเลยว่า เออ เหมือนเล่นเกมจริง ๆ ด้วย ตีไม่เป็นก็สนุกได้ จะเรียนก็ได้ (ได้ยินว่า 1 ขวบก็สอน !!) แถมเหล้ายาปลาปิ้งครบ กระทั้งบาร์ก็มี อะไรมันจะครบวงจรขนาดนี้ ทว่าจุดที่เราจะโฟกัสจริง ๆ นั้น จะเป็น…

สารพัดเทคโนโลยีใน TopGolf

จุดที่ทำให้ TopGolf ต่างจากสนามไดร์ฟกอล์ฟทั่วไปอย่างแท้จริงเลยคือ ‘เทคโนโลยี’ ปกติเทคโนโลยีที่มักเห็นในสนามไดร์ฟกอล์ฟทั่วไปจะมีแค่ ‘เครื่องป้อนลูกกอล์ฟอัตโนมัติ’ เท่านั้น

แต่ที่นี่กลับมีทั้ง ชิปในลูกกอล์ฟช่วยติดตามตำแหน่ง กล้อง LiDAR ตรวจจับการเคลื่อนไหว และการใช้ AR สร้างเป็นเกมกอล์ฟแบบพิเศษ ที่อิงการเล่นจากการตีกอล์ฟจริง ๆ เลยนั้นเอง

เกมกอล์ฟใน TopGolf

บนสนามไดร์ฟกอล์ฟที่มีระยะ 205 หลา จะมี ‘หลุม’ ที่หน้าตาคล้ายกระดานปาเป้าขนาดยักษ์ โดยแบ่งเป็น สีแดง 4 หลุม (25 หลา) สีเหลือง 2 หลุม (50 หลา) นอกนั้นก็อย่างละหลุมแบ่งเป็น หลุมสีเขียว (90 หลา) หลุมสีส้ม (125 หลา) หลุมสีฟ้า (150หลา) และสุดท้ายหลุมสีขาว (185 หลา) ซึ่งอยู่ไกลสุด

ทุกหลุมหากตีเข้า ก็จะสามารถทำแต้มพิเศษได้ จุดนี้เองที่ทำให้ทาง TopGolf นำมาสร้างเกมกอล์ฟใหม่ ๆ ที่เป็นมากกว่าการหวดลูกกอล์ฟไปเรื่อย ๆ เหมือนก่อน ในส่วนนี้ก็ต้องเพิ่งสองเทคโนโลยีสำคัญอย่าง ชิปที่ฝั่งในกอล์ฟทุกลูก กับกล้อง LiDAR ติดตามการเคลื่อนไหวของลูกกอล์ฟอย่าง Toptracer จำนวนนับ 10 ตัวในสนาม ทั้งสองจะคอยช่วยติดตามตำแหน่งของลูกกอล์ฟ ที่ถูกตีออกไปได้อย่างแม่นยำนั้นเอง หรือใช้วิเคราะห์การตีก็ยังได้

และเมื่อสามารถติดตามตำแหน่งของลูกกอล์ฟได้อย่างแม่นยำแล้ว ก็ทำให้สามารถสร้างเกม AR ผ่านหน้าจอแสดงผลในสนามได้ด้วย ซึ่งทางสนามก็ได้นำเกม Angry Birds, Jewel Jam และเกมกอล์ฟเสมือนจริงมาให้เล่นกัน เอาตรง ๆ เลย ส่วนนี้เหมือนกำลังเล่นเกมกอล์ฟบน PC หรือคอนโซล ทว่าไม่ได้เล่นผ่านจอยสติ๊กหรือเมาส์ แต่เป็นไม้กอล์ฟจริง ๆ หวดอย่างไหน ได้อย่างนั้น

แอบกระซิบว่าไม้กอล์ฟของที่นี่คุณภาพสูงมาก เชื่อเลยว่าคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อน ก็มีโอกาสหวดลูกสวย ๆ ได้

ตัวอย่างเช่น Angry Birds เกมดัง (ในอดีต) บนสมาร์นโฟน ที่ปกติจะเป็นการยิงตัวนกไปถล่มหอคอย ผ่านการใช้นิ้วลากสัมผัสบนจอสมาร์นโฟน แต่ในที่นี้จะเป็นการตีกอล์ฟไปแทน จากนั้นภาพในจอก็จะแสดงการเคลื่อนไหว โดยอิงกับการตีของเราจริง ๆ ทำให้ได้ความสนุกไปอีกแบบ เสมือนว่าเราได้ใช้ความสามารถของร่างกายจริง ๆ

แน่นอนว่าพอเป็นเกม ก็สามารถแข่งขันกันได้ ซึ่ง TopGolf จะแบ่งเป็น “Bay” หรือโซนสำหรับเล่นกอล์ฟได้สูงสุด 6 คน ผลัดกันตีและมาอวดคะแนนกันผ่านหน้าจอ Scoreboard ได้เลย บอกเลยว่าการได้เล่นกอล์ฟในสนาม TopGolf ครั้งนี้ ทำให้มุมมองของกีฬากอล์ฟเปลี่ยนไปทันที กลายเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สนุกได้ทุกเพศทุกวัย

ค่าบริการ

สุดท้ายนี้ TopGolf มีค่าลงทะเบียนแรกเข้า 150 บาท และค่าบริการประมาณ 850 – 1,450 บาทต่อชั่วโมงต่อ Bay ซึ่งมาตัวเปล่าก็ได้ สนามมีไม้กอล์ฟให้พร้อม หรือจะนำไม้ส่วนตัวมาเล่น ไม่ก็อัพเกรดเป็นไม้กอล์ฟ Callaway ก็ได้เช่นเดียวกัน ใครอยากลองสัมผัสการเล่นกอล์ฟแนวใหม่ ลองมาดูกันได้ครับ เปิดให้บริการวันที่ 17 สิงหาคมนี้เป็นวันแรก