บุกบ้าน Baidu เปิดประตูสู่นวัตกรรมโลกตะวันออก

ชื่อ “ไป๋ตู้” สำหรับคนไทยอาจจะคุ้นเคยกันในเรื่องของโปรแกรมปรับแต่งประสิทธิภาพเครื่องและโปรแกรมแอนตี้ไวรัส แต่แท้จริงแล้วไป๋ตู้เป็นผู้ให้บริการสืบค้นข้อมูล หรือเซิร์จเอ็นจิ้น เช่นเดียวกับ Google หรือ Bing และถือว่าเป็นผู้ให้บริการเซิร์จเอ็นจิ้นรายใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกอีกด้วย

Baidu Logo_resize

Total View_resize

โดยไป๋ตู้นั้นเริ่มก่อตั้งโดยนายโรบิน ลี ที่มีความสนใจและอยากให้คนจีนสามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ ในโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวก โดยก่อนตั้งมาตั้งแต่ปี  1999 ซึ่งในปีนี้ก็จะมีอายุครบ 15 ปีแล้ว โดยในปัจจุบันมีพนักงานรวมกันกว่า 4 หมื่นคนทั่วโลก ที่คอยสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง

Heat Map_resize

สิ่งที่เราอาจจะยังไม่รู้คือไป๋ตู้นั้นมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เรา โดยมีการเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้ในภาพรวมเพื่อนำไปวิเคราะห์หรือประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างบริการมารองรับกับความต้องการต่างๆ ได้เช่นการวิเคราะห์ปริมาณคนเดินทางระหว่างเมืองซึ่งจะมีประโยชน์มากในช่วงเทศกาล หรือแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็ยังสามารถระบุได้ว่ามีปริมาณคนหนาแน่นขนาดไหนช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ว่าจะไปดีหรือไม่ หรือจะใช้ Total View ซึ่งจะคล้ายกับบริการ Street View ของ Google ที่ช่วยให้สามารถเห็นบรรยากาศรอบด้านของถนนหรือสถานที่ในแผนที่ได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ อีกมากมาย แต่น่าเสียดายที่บริการส่วนใหญ่ที่กล่าวไปยังมีข้อมูลที่รองรับการใช้งานแค่ภายในประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งในอนาคตจะมีการขยายไปยังประเทศอื่นๆ แน่นอน

Gadget1_resize

มาถึงสำนักงานใหญ่ Baidu ทั้งที งานนี้ต้องมีของเด็ดมาโชว์กันแน่นอนกับนวัตกรรมที่ทั่วโลกให้ความสนใจ นั่นคือ DuBike (ตู้ไบค์) จักรยานอัจฉริยะ นอกจากจะเป็นจักรยานที่เราสามารถปั่นไปไหนมาไหนได้แล้ว ยังจับเอาเทคโนโลยีต่างๆ มายัดไว้ภายใน ทั้งระบบควบคุมความเร็ว ระบบนำทาง และระบบตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ทั้งหมดนี้เพื่อสุขภาพและความสะดวกสบายของผู้ปั่น ตอนนี้ยังถือว่าเป็นเวอร์ชันเบต้าหรือทดลองใช้งานอยู่ และจะมีการพัฒนาให้มีฟังก์ชันมากขึ้นในอนาคตแน่นอน

Dubike2_resize

DuBike1_resize

ส่วนนวัตกรรมอีกหนึ่งชิ้นที่จะพลาดไม่ได้คือ Baidu Eye (ไป่ตู้อาย) หรือที่หลายๆ คนเรียกว่า Google Glass เวอร์ชันจีน ที่จะว่าไปมันก็ไม่ใช่แว่นตาซะทีเดียวเพราะมันไม่มีหน้าจอใดๆ แต่ใช้การสวมใส่ที่คล้ายแว่นตา ตัวอุปกรณ์จะมีกล้องสำหรับส่องไปยังวัตถุที่เราต้องการทราบข้อมูล แถมมีเลเซอร์ชี้เป้าให้ด้วยเพื่อให้เราสามารถทราบข้อมูลของสิ่งนั้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยมีการทำงานร่วมกับ Baidu Brain ซึ่งเป็นระบบคลาวด์คอยช่วยประมวลผลได้อย่างฉับไว

Baidueye2_resize

Baidueye_resize

อันที่จริงไป๋ตู้ยังมีนวัตกรรมอีกมากมายทั้งที่มีต้นแบบออกมาให้เห็นแล้ว และกำลังพัฒนาอยู่ ซึ่งเราคงจะได้เห็นในเร็วๆ นี้

สิ่งที่หลายๆ คนสงสัยและถือว่าเป็นคำถามเด็ดที่ไป่ตู้จะต้องตอบคำถามกับผู้ใช้ให้ได้ (โดยเฉพาะคนไทยหรือเปล่า) นั่นคือ “ทำไมลง Baidu PC Faster ทีไร คอมพ์มีอันเป็นไปทุกครา?”

ซึ่งทาง Baidu ก็ให้คำตอบกลับมาได้ชัดเจนดีว่า “เราเป็นบริษัทที่ทำการค้าและก่อตั้งมาสิบกว่าปี มีเป้าหมายที่จะสร้างสินค้าและบริการที่ดีให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันอยู่แล้ว เราคงไม่ได้มีจุดประสงค์ที่อยากจะไปทำให้เครื่องของผู้ใช้มันช้าลง หรือเกิดปัญหาในการใช้งาน ไม่งั้นเราคงไม่สามารถทำธุรกิจมาได้นานขนาดนี้”

ฟังแล้วก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน แต่ความจริงก็คือความจริง เพราะนอกจากจะทำให้เครื่องมีปัญหาแล้วยังชอบแอบแฝงมากับโปรแกรมฟรีแวร์ต่างๆ แถมเอาออกยาก หรือเอาออกทีไรเครื่องพังทุกทีเหมือนกัน จนขึ้นแท่นโปรแกรมที่ต้องคอยระวังกันไปเลย

ตรงจุดนี้ Baidu ชี้แจ้งว่าการแนบไปกับโปรแกรมอื่นๆ เป็นการตลาดอย่างหนึ่งที่โปรแกรมตัวอื่นๆ ก็ทำกัน เพียงแต่ผู้ที่นำโปรแกรมไปแนบ (ที่จะได้รับเงินจาก Baidu ในการช่วยโปรโมต) ออกแบบให้ระบบติดตั้งมีการติดตั้งแบบฝังตัว เวลาเอาออกก็เลยมีปัญหา รวมถึงการแอบติดตั้งโดยผู้ใช้ไม่ยินยอมก็เป็นฝีมือของพาร์ตเนอร์ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะทาง Baidu เองพยายามคอยสอดส่องและแก้ไขข้อร้องเรียนต่างๆ ให้อยู่เสมอๆ

ส่วนคนไทย ใครที่ยังไม่เคยใช้ไป๋ตู้สามารถเข้าไปได้ที่ www.baidu.co.th ที่ออกแบบมาเพื่อคนไทย รองรับภาษาไทย และมีเครื่องมือที่เชื่อมโยงข้อมูลกับเว็บไซต์ประเทศไทยมากมาย เห็นแบบนี้ก็ดีใจที่ไป๋ตู้ให้ความสำคัญกับคนไทย และพัฒนาบริการต่างๆ เพิ่มเติมให้คนไทยได้ใช้งานกัน เรียกได้ว่าเป็นอีกทางเลือกสำหรับเราที่จะมีบริการดีๆ ไว้ใช้งานกันครับ

 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here