รีวิว Nokia 6 ประเดิมสนามครั้งใหม่ ที่ไม่ง่ายเหมือนก่อน

รีวิว Nokia 6

การกลับเข้าสู่สนามสมาร์ทโฟนอีกครั้งของ Nokia ถูกพูดถึงและได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก Nokia 3, Nokia 5 และ Nokia 6 เป็นสามรุ่นใหม่ที่ประเดิมวางขายในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย แต่ก็ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันมีแบรนด์สมาร์ทโฟนเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้การฝ่าฝันเพื่อก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ดังนั้น “รีวิว Nokia 6” ในครั้งนี้ aripfan จะพาชมกันซิว่าการเริ่มต้นครั้งใหม่ของ Nokia จะสามารถท้าชนกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ได้ดีแค่ไหน

รีวิว Nokia 6

Nokia 6 สเปคมีดังนี้

  • จอแสดงผล IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล) 403ppi
  • ถาดซิมแบบไฮบริด รองรับได้ 2 ซิมการ์ด
  • ระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat
  • ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 430, ชิปประมวลผลกราฟิก Adreno 505
  • แรม 3GB, หน่วยความจำภายใน 32GB
  • กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ค่ารูรับแสง f/2.0, ระบบ Auto Focus, แฟลชคู่ Dual LED พร้อมรองรับการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียด 1080p
  • กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, ค่ารูรับแสง f/2.2, ระบบ Auto Focus พร้อมบันทึกวีดีโอที่ความละเอียด 1080p
  • การเชื่อมต่อ : 4G LTE, microUSB 2.0, Wi-Fi a/b/g/n/ac, GPS, Bluetooth 4.1, วิทยุ FM และ NFC
  • รองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮม
  • แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh
  • ราคา 7,990 บาท

ดีไซน์

ภายนอกของ Nokia 6 ใช้กระจก Gorilla Glass 3 สำหรับหน้าจอ ด้านหลังเป็นโลหะ แทรกด้วยอลูมิเนียมบริเวณขอบทั้งสี่ด้าน เป็นส่วนผสมที่ทำให้ Nokia 6 แม้จะดูเรียบๆ แต่กลับแฝงด้วยความหรูเล็กๆ ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามเชื่อว่าความแข็งแกร่งและทนทานในรุ่นนี้ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับสมัย Nokia 3310 ได้

ตำแหน่งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง กับปุ่มพาวเวอร์อยู่ระนาบเดียวกันบริเวณด้านขวาของตัวเครื่อง ปุ่มมีความแน่นหนา สามารถกดได้ง่าย ด้านซ้ายเป็นถาดใส่ซิมการ์ด ด้านล่างพอร์ต microUSB 2.0 กับลำโพง ส่วนด้านบนจะเป็นช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร สำหรับปุ่ม back และปุ่ม recent app อยู่ขนาบข้างกับปุ่มโฮม มีไฟ LED ในตัว นอกจากนี้ที่ปุ่มโฮมยังเป็นสแกนลายนิ้วมือในตัวด้วย

ตัวเครื่อง 5.5 นิ้ว ที่เน้นความเรียบง่ายและมีขนาดใหญ่เมื่ออยู่บนมือของบางคน อาจทำให้เกิดความรู้สึกระแวง กลัวจะทำตกหล่นเมื่อหยิบจับตัวเครื่องเพียวๆ ด้วยมือเดียว แต่กรณีนี้เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการใส่เคสครับ เพราะในกล่องของ Nokia 6 จะมีเคสใสแบบยางแถมมาให้ด้วยเลย ช่วยเพิ่มความหนาของตัวเครื่องขึ้นมาอีกเล็กน้อยก็จริง แต่ช่วยปกป้องตัวเครื่องและทำให้กระชับมากขึ้นในเวลาหยิบจับด้วยมือเดียว

ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 430 และแรม 3GB

ก็ต้องทำความเข้าใจครับว่าด้วยราคาที่ตั้งไว้ 7,990 บาท การเลือกใช้ชิปประมวลผลก็จำเป็นต้องเลือกให้สอดคล้องกับราคาด้วย Qualcomm Snapdragon 430 และแรม 3GB เรียกได้ว่าการทำงานขั้นพื้นฐาน, เปิดปิดแอพสลับไปมา สามารถตอบสนองได้แบบทันทีที่เรียกใช้งาน ซึ่งในช่วงการทดลองใช้นั้นการทำงานในลักษณะนี้บ่อยๆ ยังไม่พบอาการสะดุดครับ ส่วนการเล่นเกมยอดฮิตอย่าง ROV ก็สามารถเล่นได้ เมื่อเล่นต่อเนื่องตัวเครื่องจะอุ่นขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น และมีการระบายความร้อนที่รวดเร็วเมื่อหยุดเล่น

ทดสอบเล่นเกม ROV บน Nokia 6

Pure Android

สิ่งหนึ่งที่ Nokia พยายามยกเป็นจุดเด่น นั่นคือ เรื่องของระบบปฏิบัติการครับ ใน Nokia 6 เลือกใช้ Android 7.1.1 Nougat ไม่มี User Interface ใดๆ ครอบทับ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพต่อเนื่องในระยะยาว และที่สำคัญยังการันตีการได้ไปต่อ Android เวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้อีกอย่างน้อย 3 รุ่น

กล้องถ่ายภาพ

เริ่มกันที่กล้องหลัง ให้ความละเอียดมา 16 ล้านพิกเซล, ค่ารูรับแสง f/2.0, ระบบ Auto Focus, แฟลชคู่ Dual LED พร้อมรองรับการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียด 1080p เป็นสเปคพื้นๆ ครับ ไม่ได้มีลูกเล่นใดๆ เป็นพิเศษ สามารถสร้างลายน้ำขึ้นมาเองได้ตามที่เราต้องการเพื่อใส่ในภาพถ่าย

User Interface ในโหมดกล้อง

การถ่ายภาพเมื่ออยู่ในสภาพแสงที่เพียงพอ สีของภาพที่ออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ครับ แต่กรณีถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยหรือเวลากลางคืนจะปรากฏ Noise หรือจุดบนภาพเกิดขึ้นบ้างครับ

ส่วนกล้องหน้าให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, ค่ารูรับแสง f/2.2, ระบบ Auto Focus พร้อมบันทึกวีดีโอที่ความละเอียด 1080p

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Nokia 6

รีวิว Nokia 6 กับบทสรุปในครั้งนี้

การกลับมาของ Nokia อย่างเต็มรูปแบบภายใต้ระบบปฏิบัติการ Android ถือว่าเรียกว่าสนใจจากผู้ใช้สมาร์ทโฟนได้ไม่ยาก โดยเฉพาะกับผู้ใช้จำนวนมากที่หลงใหลและเคยใช้ Nokia มาก่อน แต่ความสนใจจะยืนระยะได้ยาวนานแค่ไหน

ทำไมผมถึงบอกแบบนี้ ? จากที่ผู้อ่านได้เห็นครับว่าตัวเครื่องภายนอกมีการพัฒนาออกมาได้ดี แต่ฟีเจอร์หรือลูกเล่นที่สร้างจุดเด่นให้กับ Nokia 6 ยังไม่เกิดขึ้นในรุ่นนี้

ในราคา 7,990 บาท น่าซื้อหรือไม่ ? เรื่องนี้ผมเชื่อว่าชื่อของ Nokia มีมนต์ขลังอยู่ในตัวครับ ใครที่ยังชื่นชอบในแบรนด์นี้ การซื้อหามาใช้คู่กับสมาร์ทโฟนเครื่องหลักก็นับว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายครับ

ชมข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ Nokia ประเทศไทย

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here