6 วิธีออกกำลังในโลกไอที ที่ไม่ทำให้คุณเบื่อ…แม้แต่น้อย

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากออกกำลังกาย แต่หลาย ๆ ครั้ง กลับพบแต่ความน่าเบื่อ โดยเฉพาะบางเวลาที่เร่งรีบออกจากหน้าคอมพ์ฯ ที่ทำงาน เพื่อไปออกกำลังกายยังฟิตเนสที่ห่างออกไปอีกเป็นกิโลเมตร พอไปถึงก็เจอแต่เครื่องเล่นเดิม ๆ ที่แสนจะน่าเบื่อ หรือกลุ่มคนเดิม ๆ ที่เราอาจจะไม่ได้ชอบหน้านัก และดนตรีที่แสนจะเบื่อหน่าย ยิ่งไปกว่านั้นบางทีขึ้นวิ่งบนลู่พักเดียวก็เบื่อแล้ว แน่นอนว่าต่อไปคุณก็ไม่อยากมาอีก

เนื่องด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของโลกเสมือนจริง หรือ VR (Virtual Reality) นั้นเข้ามามีบทบาทและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ก็ทำให้โลกของการออกกำลังกายเปลี่ยนไปเกือบสิ้นเชิง เพราะเราสามารถผนวกเทคโนโลยีเหล่านี้มารวมไว้ในการออกกำลังกายได้อย่างสนุกสนาน แถมยังมีการพัฒนามากขึ้นทุกขณะ ทีนี้เรามาดูกันว่า เราจะมีวิธีออกกำลังกายอย่างไรให้สนุกกัน

1. VirZOOM

จักรยานออกกำลังกาย ที่มาพร้อมเซนเซอร์และการควบคุมร่วมกับ Oculus Rift หรือ HTC Vive รวมถึง PlayStation VR ซึ่งจะทำให้คุณออกกำลังกายได้อย่างเพลิดเพลินและไม่น่าเบื่อ ด้วยการใส่ชุด VR นี้ขึ้นไปปั่นบนจักรยาน และเล่นสนุกไปบนแอพพลิเคชันที่เป็นแบบเสมือนจริง อย่างเช่น การให้คุณเป็นนักรบอยู่ในรถถัง หรือจะเป็นการขี่ม้าก็ตาม และผู้ผลิตยังพัฒนาให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนเข้าไปในเหตุการณ์เหล่านั้นจริง ๆ และออกแบบให้อุปกรณ์ต่าง ๆ จัดเก็บได้ง่ายยิ่งขึ้น ทีนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเกะกะรกบ้านอีกต่อไป

2. ICAROS VR

เครื่องเล่นที่ผสมผสานการเล่นเกมเข้ากับการออกกำลังกาย ด้วยการจำลองสถานการณ์ในการขับเครื่องบินหรือยานรบ เพื่อให้เป็นการฝึกกล้ามเนื้อไปในตัว ตัวเครื่องเล่นมาในแบบให้ผู้ใช้นอนคว่ำ จากนั้นโยกตัวไปในมุมต่าง ๆ ด้วยแรงเหวี่ยงของผู้เล่น พร้อมแว่นและชุดหูฟังที่ทำให้รู้สึกเสมือนจริงในโลกของ VR เรียกว่าคนเล่นออกแรงตั้งแต่หัวจรดเท้า เรื่องการเบิร์นน่าจะทำได้ดี แถมไม่ต้องกลัวเบื่อ เพราะมีอีกหลายเกมเอาไว้ให้เล่น ซึ่งสนนราคายังค่อนข้างแรง เพราะแตะที่หลักแสนเลยทีเดียว

3. Danz Base

กับเครื่องเล่นที่ไม่ต้องอาศัยแว่น VR แต่ต้องใช้ความกล้ามากสักหน่อย สำหรับคนที่หลีกหนีความจำเจกับการเต้นแอโรบิกแบบเดิม ๆ ในฟิตเนส แต่งานนี้ใช้เป็นเกมเต้นที่มี Motion Detect ตรวจสอบองค์ประกอบการขยับร่างกายของเรา ว่าเป็นไปตามแบบของเกมหรือไม่ และคิดเป็นตัวเลขออกมา จะเล่นเดี่ยวหรือจะแข่งกันกับเพื่อนก็ได้ เป็นอีกวิธีหนึ่งในการออกกำลังกายที่คุณจะต้องเหงื่อออกกระจายไปกับเกมที่เต้นกันแบบสุดเหวี่ยงเช่นนี้

4. Taclim

รองเท้าสุดไฮเทคที่เป็นคอนโทรลเลอร์สำหรับการตรวจจับการเคลื่อนไหว และมีระบบการสร้างแรงสั่นไปยังเท้าของผู้สวมใส่ ให้รู้สึกถึงความแตกต่างเวลาที่เราใช้ VR ในการเคลื่อนไหวไปยังพื้นที่ที่ต่างกันไป หรือจะใช้ในการเตะสิ่งของวัตถุหรือศัตรูภายในเกมได้อีกด้วย จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกตื่นเต้นไปกับการเล่นเกมในสภาวะต่าง ๆ ซึ่งปกติเราจะได้สัมผัสกันที่มือหรือภาพที่เราได้เห็นเป็นส่วนใหญ่ แต่นี่จะสั่นที่เท้า ด้วยระบบ Force feedback นี้ ก็ทำให้การออกกำลังกายของคุณเต็มไปด้วยสีสัน โดยจากข่าวล่าสุด Taclim คาดว่าจะจำหน่ายในช่วงกลางปี 2017 นี้ ราคาเริ่มต้นประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท

5. Fruit Ninja

เกมที่อาจจะดูเก่าและสุดเก๋าในช่วงที่เปิดตัวบนสมาร์ตโฟนในยุคแรก ๆ ก็ได้ การยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ช่วยให้คุณออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม กับท่วงท่าการร่ายรำดาบฟาดลงไปบนผลไม้แบบไม่ยั้ง ด้วยการเคลื่อนไหวนี้ เมื่อรวมเข้ากับการใช้งานบน VR แล้ว ก็ยิ่งทำให้เสมือนจริงมากยิ่งขึ้น และใช้ร่วมกับ Oculus หรือ Vive ได้อีกด้วย ตัวเกมสนนราคาไม่กี่สิบเหรียญ แต่ให้ประโยชน์ต่อการออกกำลังกายได้อย่างสนุก ที่สำคัญคุณยังท้าทายการแข่งขันให้ตัวเองสร้างสถิติใหม่ได้ในทุกวันอีกด้วย

6. HOLOFIT

เครื่องเล่นสำหรับการออกกำลังกายในแบบ Cardio ที่รวมเอาระบบ VR ไว้ด้วยในตัว เพื่อให้ผู้เล่นได้สนุกไปกับการออกกำลังด้วย โดยมีฉากในเกมให้คุณเลือกมากมาย ด้วยการจำลองการปั่นจักรยาน ล่องเรือ ดำน้ำ หรือแม้กระทั่งอยู่บนยานอวกาศให้คุณสามารถท่องเที่ยวไปได้ พร้อมกับการปั่นไปเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นการลดน้ำหนักได้ดีอีกทางหนึ่ง แถมยังเพลิดเพลินดีกว่าภาพเดิม ๆ ในโรงยิม

นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องเล่นไฮเทคอีกจำนวนไม่น้อยที่จะช่วยให้คุณสามารถออกกำลังกายได้อย่างเพลิดเพลิน และสนุกไปกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ต้องเบื่ออยู่กับหน้าจอเดิม ๆ หรือเครื่องเล่นเก่าอีกต่อไป ทั้งการเคลื่อนไหว ภาพและเสียง จะครบทุกอรรถรสจนคุณลืมไปว่าออกกำลังกายอยู่

เรียบเรียงโดย LK