MSI Venture Series ตอบโจทย์การทำงานในยุค AI มาแรง

MSI Venture Series เปิดตัวมาในฐานะโน้ตบุ๊กอเนกประสงค์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลายครับ  เหมาะกับนักเรียน หรือนักศึกษาในสาขาที่ต้องใช้กราฟิกหนักๆ อย่างสถาปัตยกรรมหรือวิศวกรรม, ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หรือแม้กระทั่ง Content Creator ที่ต้องการเครื่องมืออันทรงพลังในการสร้างสรรค์ผลงาน 

โดย Venture Series ที่เรากำลังพูดถึงนี้ เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ที่เน้นความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพในการทำงานและความบันเทิง และแน่นอนว่า ต้องมีความทนทานที่เราเชื่อใจได้สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ เดี๊ยว Techhub พามาดูสเปคกันเลยดีกว่าครับ 

สเปค ของ MSI Venture Series

MSI Venture Series

  • Processor  เลือกได้สูงสุด Intel® Core™ Ultra 7 processor 155H 
  • Graphics  ตัวเลือกสูงสุด NVIDIA GeForce RTX 4050 
  • Display  14”,15” และ 16 นิ้ว อัตราส่วน 16:10 ความละเอียด 2K OLED (2048×1280) 120Hz หรืออาจมีตัวเลือกอื่นที่เป็น FHD+/จอสัมผัส/QHD+ เพิ่มเติม
  • Memory 2 ช่อง DDR5-5600 (รองรับสูงสุด 96GB)
  • Storage NVMe PCIe SSD Gen4x4 (รองรับสูงสุด 2TB)
  • Communication Wi-Fi 6E + Bluetooth 5.3 และยังมีตัวเลือกที่เป็น Wi-Fi 7 + Bluetooth 5.4)
  • Keyboard / Touchpad  คีย์บอร์ด Single Backlit (สีขาว) พร้อมปุ่ม Copilot Key 
  • Webcam HD พร้อม Camera Shutter
  • I/O Ports  1x USB 3.2 Gen1 Type-C / DP (รองรับ PD 3.0 Charging), 2x USB 3.2 Gen1 Type-A, 1x HDMI™ 2.1 (4K@60Hz), 1x Gigabit Ethernet, 1x Audio combo jack
  • Audio ลำโพง 2 x 2W, DTS Audio Processing มาพร้อม AI Noise Cancellation Pro, Spatial Array Microphone (3 ไมค์), รองรับ Hi-Res Audio
  • Adapter / Battery อะแดปเตอร์ 120W รองรับ Fast Charging  และแบตเตอรี่ 4-Cell ขนาด 55Whr และมีตัวเลือก 75Whr / 90Whr สำหรับคนที่ต้องการแบตจุสูงพิเศษ
  • Dimension: 359.3(W)×245.25(D)×22.15−23.15(H) มิลลิเมตร
  • Weight 1.5 – 1.9 กิโลกรัม

ฟีเจอร์เด่น Advanced AI ใช้ทำอะไรได้บ้าง

MSI Venture Series มาพร้อมหน่วยประมวลผล Intel Core 100H และตัวเลือกการ์ดจอสูงสุด NVIDIA GeForce RTX 4050 

ถือว่าเป็นการ์ดจอที่ทรงพลังที่สุดในด้าน AI สำหรับคนทั่วไป โดยมีค่า TOPS ที่สูงพอดี ช่วยยกระดับความสามารถของ AI บนอุปกรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Small Language Model (SLM) AI Solutions ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย เช่น สรุปการประชุม, ผู้ช่วยเกมแบบเรียลไทม์, การปรับปรุงไฟล์นำเสนอ,การเรียนรู้และโต้ตอบ, การวิเคราะห์ความหมายของวิดีโอ, และเครื่องมือช่วยในการเขียน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ AI เฉพาะทางอื่นๆ อีกมากมายที่เราจะพูดถึงในหัวข้ออื่น ๆ ครับ

ดีไซน์และการออกแบบ

MSI Venture Series

Venture Series มาพร้อมดีไซน์ที่เน้นความเรียบหรู ดูทันสมัยเหมาะกับการใช้งานในทุกสถานการณ์ ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทาน ผ่านการทดสอบมาตรฐาน Military Grade MIL-STD-810H เพื่อให้มั่นใจในการใช้งานที่สมบุกสมบัน.

จุดเด่นที่น่าสนใจคือบานพับที่สามารถกางหน้าจอได้แบนราบถึง 180 องศา พร้อมฟังก์ชัน Flip and Share (กด F12) เพื่อกลับด้านหน้าจอสำหรับการนำเสนอหรือแชร์ข้อมูลให้คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้สะดวก นอกจากนี้ยังออกแบบมาให้สามารถเปิดฝาพับหน้าจอได้ด้วยมือเดียว 

ขนาดและน้ำหนัก

MSI Venture Series

สำหรับรุ่น Venture Series มิลลิเมตร และน้ำหนัก 1.5 – 1.9 กิโลกรัม ด้วยขนาดและน้ำหนักระดับนี้ ถือว่ามีความคล่องตัวสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องพกพาไปใช้งานนอกสถานที่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา หรือคนทำงานที่ต้องการความยืดหยุ่นครับ

พอร์ตเชื่อมต่อ

MSI ให้พอร์ตเชื่อมต่อมาอย่างครบครัน เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและงานเฉพาะทาง 

  • 1 x USB 3.2 Gen1 Type-C / DP (รองรับ Power Delivery 3.0 Charging)
  • 2 x USB 3.2 Gen1 Type-A
  • 1 x HDMI™ 2.1 (รองรับ 4K@60Hz)
  • 1 x Gigabit Ethernet (RJ45)
  • 1 x Audio combo jack (ช่องเสียบหูฟังและไมค์ในช่องเดียว)

คีย์บอร์ดไฟ Backlit

MSI Venture Series

คีย์บอร์ดของ Venture Series เป็นแบบ Single Backlit สีขาว สว่างชัดเจนในที่มืด และมีฟีเจอร์หรี่ไฟอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งานเพื่อประหยัดพลังงาน

ปุ่มกดมีขนาดใหญ่ พร้อมระยะกด (Key Travel) ที่ 1.7 มิลลิเมตร ให้สัมผัสการพิมพ์ที่ดีนะ นอกจากนี้ยังมีชุดปุ่มตัวเลขมาให้ครบถ้วน (ยกเว้นรุ่นขนาด 14 นิ้ว)  และที่สำคัญคือมีปุ่ม Copilot Key สำหรับเรียกใช้งานฟีเจอร์ AI ของ Windows ได้ทันที 

หน้าจอ

MSI Venture Series

Venture Series มาพร้อมหน้าจอขนาดให้เลือกทั้ง 14”,15” และ 16 นิ้ว อัตราส่วนทองคำ 16:10 (ยกเว้นรุ่น 15 นิ้ว)  ซึ่งให้พื้นที่แนวตั้งเพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับการทำงานเอกสาร, เขียนโค้ด, หรือท่องเว็บ

ตัวเลือกหลักคือจอ 2K OLED (2048×1280) ที่มีอัตรารีเฟรช 120Hz ซึ่งจุดเด่นของจอ OLED คือสีดำที่ดำสนิท คอนทราสต์สูง และการแสดงผลสีที่แม่นยำ โดยรองรับขอบเขตสี 100% DCI-P3 ซึ่งสำคัญมากสำหรับงานด้านกราฟิก, แต่งภาพ, ตัดต่อวิดีโอ ที่ต้องการความเที่ยงตรงของสี และจอยังได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR™ อีกด้วย การมีตัวเลือกจอความละเอียดสูงและสีตรง ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ Content Creator, นักศึกษาด้านสื่อดิจิทัล, สถาปนิก และวิศวกร

นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกเป็นจอ  FHD (1920*1080), 144Hz IPS-Level ซึ่งเป็นอีกสเปคที่ราคาที่เข้าถึงง่ายมากขึ้น สำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการสเปคจอสูงครับ

ลำโพง ไมค์ กล้องเว็บแคม

MSI Venture Series

  • ลำโพง มาพร้อมลำโพงสเตอริโอ 2 ตัว กำลังขับ 2W ต่อข้าง ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี DTS Audio Processing เพื่อให้เสียงคุณภาพสูง รองรับ Hi-Res Audio สำหรับการฟังเพลงหรือรับชมสื่อบันเทิงที่ต้องการรายละเอียดเสียงคมชัด
  • ไมโครโฟน ใช้ระบบ Spatial Array Microphone ที่มีไมโครโฟนถึง 3 ตัว ช่วยในการรับเสียงได้กว้างถึง 360 องศา ทำงานร่วมกับ AI Noise Cancellation Pro เพื่อการตัดเสียงรบกวนขณะใช้งาน Video Conference
  • กล้องเว็บแคม ความละเอียด HD (อันนี้แอบเสียดายถ้าเป็น Full HD จะดีขึ้นเลย แต่แลกมาด้วย Webcam Shutter ซึ่งเป็นแผ่นเลื่อนปิดหน้ากล้อง เพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเมื่อไม่ใช้งาน

ความสามารถของ Intel Core 100H Series กับงาน AI 

นี่คือหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของ Venture Series ด้วย ชิป Intel Core 100H Series ซึ่งเราสามารถเลือกได้สูงสุดเป็น Intel® Core™ 7 155H โดยเป็น CPU รุ่นใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อน ด้วยจำนวนคอร์สูงสุด 16 คอร์ 22 เธรด และความเร็ว Turbo สูงสุด 4.8GHz ทำให้มันรองรับงานหนักๆ ได้หลากหลาย ทั้งการเล่นเกม, การสร้างสรรค์คอนเทนต์ (เช่น ตัดต่อวิดีโอ, เรนเดอร์ 3D), การสตรีมมิ่ง และรองรับการทำงานแบบ Multi-tasking ซึ่ง CPU รุ่นใหม่นี้ ยังเป็นส่วนสำคัญในระบบนิเวศ AI ของเครื่อง ที่ช่วยเสริมการประมวลผล AI ร่วมกับ GPU

MSI Center S ศูนย์กลางการควบคุมและ AI

MSI Center S คือซอฟต์แวร์จัดการเครื่องรุ่นใหม่ ที่ออกแบบให้ใช้งานง่ายขึ้น เป็นศูนย์กลางในการตรวจสอบสถานะเครื่อง, ปรับแต่งประสิทธิภาพให้เหมาะกับการใช้งาน ใช้จัดการพลังงาน และเข้าถึงฟีเจอร์ AI ต่างๆ ได้อย่างสะดวก

หน้า Main หรือเมนูหลัก ได้รวมฟังก์ชันสำคัญไว้ในหน้าเดียว ประกอบไปด้วย

  • การปรับโหมดประสิทธิภาพ เช่น Extreme Performance, Balanced, Eco-Silent, และ AI Engine 
  • การเปิด/ปิด Battery Boost ช่วยเพิ่มอัตราการประหยัดไฟได้มากถึง 40% 
  •  การตั้งค่าทั่วไป เช่น USB Power Share เปิด-ปิด  Keyboard Backlit , Close Lid Action รวมถึงหน้าเมนู Hardware Monitoring ที่ใช้เพื่อดูสถานะการ CPU, GPU, NPU, Memory, Disk

หากเราเปิดใช้งาน AI Engine ระบบจะตรวจจับสถานการณ์การใช้งานของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ หากเรากำลังประชุมออนไลน์, ดูหนังฟังเพลง, เล่นเกม, หรือทำงานเอกสาร มันจะปรับการตั้งค่าฮาร์ดแวร์ เช่น ประสิทธิภาพ CPU/GPU, ความเร็วพัดลม, โทนสีหน้าจอ หรือเสียง ให้เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์นั้นๆ โดยอัตโนมัติ ช่วยให้เราได้ประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องปรับแต่งเอง  

AI Zone 

เป็นส่วนเฉพาะใน MSI Center S ที่รวบรวมฟังก์ชัน AI ไว้เพื่อให้เข้าถึงง่าย

  • AI Noise Cancellation Pro  ตั้งค่าการตัดเสียงรบกวนสำหรับไมโครโฟนและลำโพง 
  • AI LAN Manager ใช้ AI จัดลำดับความสำคัญของแบนด์วิดท์เครือข่ายให้กับแอปพลิเคชันต่างๆ 
  • Studio Effects ใช้ AI สร้างเอฟเฟกต์พิเศษให้กับกล้องเว็บแคมหรือไมโครโฟน 

คำนวณและปรับการตั้งค่าให้ หรือให้คำแนะนำ/เครื่องมือที่เกี่ยวข้อง เช่น รายงานการใช้แบตเตอรี่ ทำให้การปรับแต่งเครื่องง่ายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น 

AI Noise Cancellation Pro ตัวปรับแต่งเสียงสุดเทพ

เป็นระบบตัดเสียงรบกวนขั้นสูงที่ผสานการทำงานของฮาร์ดแวร์ ที่มาพร้อม Spatial Array ที่มี Microphone 3 ตัว และซอฟต์แวร์ AI ข้อดีคือ ให้คุณภาพเสียงที่ชัดเจนสำหรับการประชุมออนไลน์, การโทร, หรือการบันทึกเสียง โดยมี 3 ฟีเจอร์หลัก 

  1. Standard ตัดเสียงรบกวนรอบข้างที่ไม่ต้องการออกไป 
  2. Studio EQ ปรับแต่งเสียงให้มีความบริสุทธิ์ คมชัด เหมือนบันทึกในสตูดิโอ 
  3. Conference Enhancer เลือกรูปแบบการรับเสียงได้ ทั้งแบบเจาะจงทิศทาง เช่น ด้านหน้า ซ้าย ขวา หรือรอบทิศทาง มี Voice Amplifier เพิ่มความดังเสียงพูดอัตโนมัติ และมีระบบแจ้งเตือนหากผู้ใช้อยู่นอกระยะการรับเสียงที่เหมาะสม 

MSI AI Robot ผู้ช่วย AI อัจฉริยะ

อันนี้ คือฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ เปรียบเสมือนผู้ช่วย AI ส่วนตัวที่ติดตั้งมาในโน้ตบุ๊ก เป็น Chatbot AI ที่ผู้ใช้สามารถพูดคุยหรือพิมพ์คำสั่ง/คำถาม เพื่อให้ AI ช่วยจัดการการตั้งค่าต่างๆ ของระบบ 

แทนที่จะต้องเข้าไปปรับแต่งค่าต่างๆ ใน MSI Center S เอง ผู้ใช้สามารถบอก AI Robot ได้เลย เช่น ช่วยปรับให้พัดลมทำงานเงียบลงหน่อยหรือขอวิธีประหยัดแบตเตอรี่ AI ก็จะช่วยจัดการให้ครับ 

Key Feature สรุปจุดเด่นสำคัญ

  • AI Powered ขุมพลัง AI จาก Intel Core 100H และ NVIDIA RTX 40 Series, พร้อมฟีเจอร์ MSI AI Engine, AI Robot, AI Noise Cancellation Pro, AI Zone ใน MSI Center S
  • Stunning Display จอ 16 นิ้ว 16:10 2K OLED 120Hz สีตรง 100% DCI-P3 
  • Enhanced Productivity คีย์บอร์ด Backlit พร้อม Numpad และ Copilot Key, พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน, รองรับ Wi-Fi 6E/7, PCIe Gen 4 SSD, DDR5 RAM.
  • Robust & Portable ดีไซน์เรียบหรู ทนทานมาตรฐาน MIL-STD-810H, น้ำหนัก 1.5 – 1.9 kg, บานพับ 180 องศา
  • Long Battery Life แบตเตอรี่ความจุเริ่มต้น 55Whr มีตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับคนที่ต้องการแบตเตอรี่จุมากขึ้น มี ฟีเจอร์ Battery Boost ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ถึง 40% รองรับ Power Delivery 3.0 และ Fast Charging 
  • Superior Audio: ลำโพง DTS Audio ระบบ Hi-Res ไมค์ 3 ตัวพร้อม AI Noise Cancellation Pro
  • Sustainability ได้รับการรับรอง EPEAT Silver ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม 

 

สรุปข้อดี ข้อสังเกต

ข้อดี

  • ขุมพลัง AI และประสิทธิภาพสูง ขับเคลื่อนด้วย CPU Intel Core 100H และการ์ดจอ NVIDIA RTX 4050  รุ่นใหม่ล่าสุด เหมาะสำหรับงาน AI โดยเฉพาะ 
  • มีตัวเลือกการ์ดจอ NVIDIA RTX 40 Series
  • ตัวเลือกจอ 14″, 15″ และ 16″ นิ้ว อัตราส่วน 16:10 (ยกเว้นรุ่น 15 นิ้ว) ความละเอียดตัวเลือกสูงสุดคือ  2K OLED 120Hz ให้สีสันที่แม่นยำ (100% DCI-P3) คมชัด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานกราฟิก
  • มาพร้อมชุดซอฟต์แวร์ AI จาก MSI ที่รับจบได้ทุกปัญหา
  • ตัวเครื่องแข็งแกร่งผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H (มาตรฐานทางการทหาร) 

ข้อสังเกต

  • กล้องเว็บแคม อยากได้เป็น Full HD จะแจ่มเลย
  • ไม่มีพอร์ต SD Card ซึ่งกลุ่ม Content Creator อาจจะใช้บ่อยครับ