โลกของการจ้างงานกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเรซูเม่ที่เราคุ้นเคยกันมานานอาจกำลังจะหมดความหมายลงอย่างช้าๆ เพราะ AI ได้เข้ามาป่วนตลาดแรงงาน
เกิดอะไรขึ้น?
ทุกวันนี้ บริษัทต่างๆ กำลังจมอยู่กับกองทัพใบสมัครงานที่สร้างโดย AI จำนวนมหาศาล ข้อมูลล่าสุดจาก The New York Times ระบุว่า แพลตฟอร์มอย่าง LinkedIn มีการส่งใบสมัครสูงถึง 11,000 ครั้งต่อนาที เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 45%
สาเหตุหลักมาจากเครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT ที่ช่วยให้ผู้หางานสามารถสร้างเรซูเม่ AI ที่ปรับแต่งให้เข้ากับรายละเอียดของแต่ละตำแหน่งงานได้อย่างสมบูรณ์แบบในเวลาไม่กี่วินาที แค่ใส่คำสั่งง่ายๆ AI ก็สามารถดึงคีย์เวิร์ดทั้งหมดที่บริษัทต้องการมาใส่ในเรซูเม่ได้ทันที ทำให้การส่งใบสมัครที่เคยเป็นเรื่องต้องใช้ความพยายามและความตั้งใจจริง กลายเป็นแค่เกมตัวเลขที่ใครส่งเยอะกว่าก็มีโอกาสมากกว่า
ปัญหานี้หนักหน่วงถึงขั้นที่ว่า บางบริษัทต้องยกเลิกประกาศรับสมัครงานไปเลย เพราะมีใบสมัครส่งเข้ามาเป็นพันๆ ฉบับสำหรับตำแหน่งเดียว แต่กลับหาผู้สมัครที่เหมาะสมจริงๆ ได้ยาก เพราะใบสมัครส่วนใหญ่มีหน้าตาและเนื้อหาคล้ายกันไปหมด จนแยกไม่ออกว่าใครมีความสามารถจริงหรือใครแค่ใช้บอทสมัครงาน
สงครามบอท ในโลกการจ้างงาน
สถานการณ์ปัจจุบันได้ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นสงครามเทคโนโลยี ระหว่างผู้สมัครงานและฝ่ายบุคคล (HR)
ฝั่งผู้สมัครใช้ AI สมัครงาน เพื่อสร้างเรซูเม่และส่งใบสมัครจำนวนมากโดยอัตโนมัติ บางคนถึงกับยอมจ่ายเงินให้ AI Agent ทำหน้าที่หาและสมัครงานแทนทั้งหมด
ฝั่งบริษัท เมื่อถูกถล่มด้วยใบสมัครจำนวนมาก ก็ต้องหันมาใช้ เครื่องมือ AI สำหรับ HR เพื่อช่วยคัดกรองใบสมัครเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ร้านอาหาร Chipotle ใช้แชทบอท AI ที่ชื่อว่า Ava Cado ช่วยลดเวลาในกระบวนการจ้างงานได้ถึง 75%
สุดท้ายแล้ว กระบวนการนี้จึงกลายเป็นเครื่องจักรคุยกับเครื่องจักร โดยที่มนุษย์แทบไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างแท้จริง
ความเสี่ยงที่มากกว่าแค่ใบสมัครล้นระบบ
นอกเหนือจากปริมาณใบสมัครแล้ว การใช้ AI ในการสมัครงาน ยังมาพร้อมกับความเสี่ยงอื่นๆ ที่น่ากังวลเช่น
1.การฉ้อโกงและตัวตนปลอม มีการใช้ AI เพื่อสร้างโปรไฟล์ปลอมในการสมัครงาน และคาดการณ์ว่าภายในปี 2028 ผู้สมัครงาน 1 ใน 4 อาจเป็นตัวตนปลอม
2.การใช้อุบายเพื่อหลอกระบบ โดยมีการค้นพบเทคนิคซ่อนข้อความหรือคำสั่งที่มองไม่เห็นไว้ในใบสมัคร เพื่อหลอกระบบคัดกรองของ AI โดยที่ฝ่ายบุคคลไม่สามารถตรวจจับได้
3.อคติของ AI ระบบ AI ที่ใช้คัดกรองก็ยังมีอคติไม่ต่างจากมนุษย์ โดยมักจะให้น้ำหนักกับชื่อของผู้สมัครที่เป็นผู้ชายผิวขาวมากกว่า ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการเลือกปฏิบัติและประเด็นทางกฎหมายได้
เมื่อเรซูเม่ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความสามารถหรือความตั้งใจที่แท้จริงอีกต่อไป อนาคตของการจ้างงาน อาจต้องหันไปพึ่งพาวิธีการที่ AI เลียนแบบได้ยาก เช่น
– การทดสอบแก้ปัญหาเฉพาะหน้า (Live Problem-Solving)
– การพิจารณาจากแฟ้มผลงาน (Portfolio Review)
– การให้ทดลองงานในระยะสั้น (Trial Work Periods)
ที่มา