เรื่องราวนี้เกิดขึ่้นกับ Sonya Sotinsky สถาปนิกหญิงวัย 51 ปี ที่ต้องเผชิญกับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเธอเป็นมะเร็งช่องปากชนิดลุกลาม และวิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตไว้ได้คือการผ่าตัดเอาลิ้นและกล่องเสียงทั้งหมดออกไป ซึ่งหมายความว่าเธอจะสูญเสียการพูดไปตลอดกาล
ก่อนการผ่าตัด Sonya รู้ดีว่าเสียงคือส่วนสำคัญของตัวตน เธอจึงใช้เวลา 5 สัปดาห์สุดท้ายในการอัดเสียง ของตัวเองเก็บไว้ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคำพูดให้กำลังใจครอบครัวอย่าง “สุขสันต์วันเกิด” หรือ “แม่ภูมิใจในตัวลูกนะ” ไปจนถึงการอ่านนิทานเด็กที่เธอหวังว่าจะได้เปิดให้หลานๆ ฟังในอนาคต
แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับตัวตนของเธอ คือคำสบถ และคำพูดเหน็บแนมแบบแสบๆ คันๆ ที่เธออัดเก็บไว้เป็นคลัง เพราะสำหรับเธอแล้ว นั่นคือส่วนหนึ่งของบุคลิกที่แท้จริง
เทคโนโลยี AI โคลนเสียง คืนชีพให้เสียงที่หายไป หลังการผ่าตัด Sonya ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เทคโนโลยีช่วยพูดแบบเดิมๆ ให้เสียงที่เหมือนหุ่นยนต์และไร้อารมณ์ ทำให้คนอื่นไม่เข้าใจและมองข้ามความคิดของเธอไป แต่แล้วเธอก็ได้พบกับเทคโนโลยี AI โคลนเสียงยุคใหม่
เธอได้นำไฟล์เสียงที่เคยอัดไว้ โดยเฉพาะเสียงจากการอ่านหนังสือนิทานเรื่อง Eloise มาให้บริษัท AI สร้างเสียงของเธอขึ้นมาใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้คือเสียงสังเคราะห์ที่มีน้ำเสียง จังหวะการพูด และสำเนียงที่เป็นธรรมชาติเหมือนเสียงเดิมของเธอทุกประการ จนลูกสาวของเธอบอกว่า แม่ได้ความแสบกลับคืนมาแล้ว
ตอนนี้ Sonya สามารถพิมพ์ข้อความลงในแอปพลิเคชันบนมือถือ แล้วแอปฯ จะแปลงเป็นเสียงพูดของเธอออกมา ทำให้เธอกลับมาสื่อสารได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง
เรื่องราวของ Sonya Sotinsky ได้สร้างแรงบันดาลใจให้นักวิจัยเริ่มศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยี AI ช่วยพูดต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างจริงจัง เพื่อให้ผู้ป่วยคนอื่นๆ ได้เสียงและตัวตนของพวกเขากลับคืนมาเช่นกัน
ที่มา
