เคยรู้สึกไหมว่าคอมพิวเตอร์ Windows ที่ยังไม่ได้เก่ามากของเรา ดันทำงานช้า อืด และหน่วงผิดปกติ ก่อนจะโทษว่าเครื่องเก่าหรือฮาร์ดแวร์พัง สาเหตุอาจมาจากสิ่งที่เราอาจคาดไม่ถึง นั่นคือ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสบางตัวที่เราไม่เคยใส่ใจมัน
ในความเป็นจริง แอนตี้ไวรัสที่ควรจะเป็นผู้พิทักษ์เรา กลับกลายเป็นตัวถ่วงความเร็วของเครื่องได้ โดยเฉพาะเมื่อ
1.เป็นโปรแกรมที่เก่าและไม่ได้อัปเดต ทำให้ทำงานผิดพลาดและกินทรัพยากรเครื่องอย่างหนัก
2.มีฟีเจอร์แถมเยอะเกินไป เช่น แอนตี้ไวรัสสมัยใหม่มักจะพ่วงโปรแกรมอื่น ๆ มาด้วย เช่น VPN, ตัวจัดการรหัสผ่าน, โปรแกรมล้างเครื่อง ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้ทำงานตลอดเวลาและแย่งใช้ CPU และ RAM
3.ติดตั้งแอนตี้ไวรัส 2 ตัวพร้อมกัน ถือเป็นสาเหตุยอดฮิตที่ทำให้คอมพังได้เลย เพราะโปรแกรมจะขัดแย้งกันเอง แย่งกันควบคุมระบบ ทำให้เครื่องช้าลงอย่างมหาศาล
4.ใช้วิธีหลอกให้ผู้ใช้อัปเกรด โดยมักจะขึ้นแจ้งเตือนสีแดงน่ากลัว ๆ ว่าคอมของเราไม่ปลอดภัย เพื่อกดดันให้เราจ่ายเงินซื้อเวอร์ชันเต็ม
ปัญหานี้พบบ่อยในแบรนด์ดังอย่าง Avast, Norton และ McAfee ซึ่งเมื่อโปรแกรมทำงานผิดพลาด มันจะฝังตัวลึกในระบบจนทำตัวเหมือนมัลแวร์เสียเอง คือไปขวางการทำงานของโปรแกรมอื่น เช่น ทำให้เบราว์เซอร์อัปเดตไม่ได้ หรือติดตั้งโปรแกรมใหม่ ๆ ไม่สำเร็จ
ทางแก้ที่ดีที่สุด คือการใช้โปรแกรมลบโดยเฉพาะ (Removal Tool) ที่บริษัทผู้พัฒนาสร้างขึ้นมาเอง เพราะการลบแบบปกติ (Uninstall) อาจเอาไฟล์ออกไปไม่หมด การใช้เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยล้างบางโปรแกรมแอนตี้ไวรัสออกจากเครื่องได้อย่างหมดจด ทำให้คอมพิวเตอร์กลับมาเร็วเหมือนใหม่อีกครั้ง
สำหรับผู้ใช้ทั่วไป คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ ใช้แค่ Windows Defender ที่ติดมากับ Windows ก็เพียงพอแล้วครับ ไม่ต้องไปหาโหลดตัวฟรีอื่น ๆ มาใช้ เพราะทำงานได้ดี ไม่หน่วงเครื่อง และไม่ต้องกังวลกับปัญหาเหล่านี้
แต่หากอยากให้รู้สึกว่าปลอดภัยมากขึ้น ก็แนะนำว่า ให้ใช้แบบเสียเงินดีกว่า ซึ่งจะมีการอัปเดตให้อัตโนมัติ และตอน Install ก็ติดตั้งฟีเจอร์เฉพาะที่เราคิดว่าต้องใช้แค่นั้นพอครับ
ที่มา