[Intel First ?] ทั้งแปลกใจและไม่แปลกใจ หลังรัฐบาลสหรัฐฯ เข้าซื้อหุ้น Intel ที่ 9.9% หวังขยายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ จากเงินช่วยเหลือภายใต้พระราชบัญญัติ CHIPS ที่เคยมีอยู่เดิม แม้ก่อนหน้านี้ ‘ทรัมป์’ จะเคยเรียกร้องให้ซีอีโอ Intel คนปัจจุบันลาออกก็ตาม
รายงานจากข่าวประชาสัมพันธ์ของ Intel เผยรัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมลงทุนมูลค่า 8.9 พันล้านดอลลาร์ฯ โดยจะเข้าถือหุ้นประมาณ 9.9% ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่รัฐบาลมีต่อ Intel ในการขับเคลื่อนวาระสำคัญแห่งชาติ และบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งยวดของบริษัท ในการขยายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ
สำหรับเงินดังกล่าว ก็มาจากกฎหมายสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ หรือ CHIPS and Science Act ที่หมายมั่นให้สหรัฐฯ มีโรงงานผลิตชิปในประเทศ ซึ่งยังไม่ได้จ่ายให้กับ Intel นี้เอง
“การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ให้ความสำคัญกับการผลิตชิปในสหรัฐฯ กำลังขับเคลื่อนการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์ในอุตสาหกรรม ที่สำคัญซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและแห่งชาติของประเทศ” Lip-Bu Tan ซีอีโอ Intel กล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์
รัฐบาลสหรัฐฯ จะซื้อหุ้นสามัญของ Intel ที่จำนวน 433.3 ล้านหุ้น ในราคา 20.47 ดอลลาร์ฯ ต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่มีส่วนลดจากราคาตลาดแล้ว โดยหุ้น INTC เปิดตลาดที่ 23.65 ดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ และปิดการซื้อขายเพิ่มขึ้น 5.53% ที่ 24.80 ดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ทางรัฐบาลจะไม่มีที่นั่งในคณะกรรมการบริหาร แต่ก็ยังมีข้อตกลงที่จะลงคะแนนเสียงตามมติของคณะกรรมการได้ ในเรื่องที่ต้องได้รับการอนุมัติ โดยอาจมีข้อยกเว้นบางประการ
ย้อนไปสมัยรัฐบาลสหรัฐฯ ของ Joe Biden ทาง Intel เคยได้รับคำมั่นสัญญาว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือถึง 10.9 พันล้านดอลลาร์ฯ หากบรรลุเป้าหมายบางอย่าง ซึ่งรวมถึงเป้าหมายการสร้างโรงงานใหม่ด้วย แต่ดูเหมือนเงื่อนไขเหล่านั้นถูกยกเลิกไป เนื่องจากข้อกำหนดการเรียกคืนเงิน และการแบ่งปันผลกำไรที่แนบมากับเงินที่จ่ายจาก CHIPS Act กำลังถูกยกเลิกโดยมีผลย้อนหลังนี้เอง
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา SoftBank ก็ได้ตกลงที่จะซื้อหุ้น Intel ด้วย โดยคิดเป็นมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ฯ ในราคา 23 ดอลลาร์ต่อหุ้น ก็ต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวครั้งไปต่อของ Intel ว่าจะกลายเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์เรือธงของสหรัฐฯ และกลับมา ‘ผงาด’ ไปอีกครั้งหรือไม่
ที่มา : Tomshardware