เพื่อร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของประเทศไทย บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Cybozu Inc. และบริษัทในเครือ Kintone (Thailand) จำกัด ได้จัดงานประชุมใหญ่ Kintone Days Global 2025: AI NEXTREAM ขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยมีผู้นำธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเข้าร่วมงานมากกว่า 300 คน ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นจากการเปลี่ยนผ่านแนวคิดทฤษฎี AI ไปสู่การลงมือปฏิบัติ ด้วยการนำเสนอโซลูชัน no-code ที่ใช้งานได้จริง ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรไทย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ SME สามารถบูรณาการGenerative AI เข้ากับการดำเนินงานหลักของบริษัทได้
ภายใต้ธีม “AI NEXTREAM” พลังขับเคลื่อน AI สู่โลกธุรกิจยุคหน้า โดยงานนี้ให้ความสำคัญกับการก้าวข้ามมุมมองเชิงทฤษฎีไปสู่การนำเสนอเพื่อประยุกต์ใช้ AI ในโลกแห่งความเป็นจริง แกนหลักของงานคือการทำให้เทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยประกาศสำคัญในงานคือการเปิดตัว Kintone AI Lab ซึ่งเป็นโซลูชั่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อให้ปัญญาประดิษฐ์เชิงกำเนิดหรือ Generative AI เป็นสิ่งที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน และ Cybozu ซึ่งเพิ่งได้รับการยกย่องให้ติดอันดับบริษัทที่ดีที่สุดในกลุ่มมูลค่าบริษัทต่ำกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐของนิตยสารฟอร์บส์ เอเชีย (Forbes Asia Best Under a Billion) นั้นได้แสดงให้เห็นว่าบุคลากรไทยทุกคนสามารถสร้างแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างง่ายดาย ผ่านการพิมพ์ข้อความเพียงไม่กี่บรรทัด
นวัตกรรมล้ำสมัยนี้ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในประเทศโดยตรง ช่วยให้ทีมงานสามารถนำเครื่องมือต่างๆ เช่น แชตบอต AI เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้แอปพลิเคชันและเวิร์กโฟลว์ที่สร้างขึ้นเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดที่ซับซ้อน

นายโยชิฮิสะ อาโอโนะ (Yoshihisa Aono) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Cybozu Inc. กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ระหว่างการบรรยายหลักของงานว่า “การเติบโตของ Generative AI นำเสนอโอกาสที่ยิ่งใหญ่ แต่จำเป็นต้องมุ่งเน้นการนำไปใช้งานเชิงปฏิบัติอย่างรับผิดชอบ กลยุทธ์ของเราคือการฝังศักยภาพอันทรงพลังเหล่านี้เข้าไปในกระบวนการทำงานโดยตรง ทำให้ Gen AI เป็นเครื่องมือการทำงานร่วมกันที่เสริมสร้างประสิทธิผลของทีม แนวทางการทำให้เทคโนโลยีเข้าถึงได้นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ AI แห่งชาติของประเทศไทย”
งานดังกล่าวยังมีการอภิปรายโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อฉายภาพใหญ่ถึงโอกาสและความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลในปัจจุบัน หัวข้อสำคัญหลักคือแพลตฟอร์มแบบไม่ต้องเขียนโค้ดเพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถสร้างและใช้งานแอปพลิเคชัน Generative AI ที่ปรับแต่งได้เองอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างด้านบุคลากรในท้องถิ่นได้
งาน Kintone Days Bangkok ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นภาษาญี่ปุ่นและไทย โดยได้รับเกียรติจาก นายคาซูกิ อิเคะกามิ (Kazuki Ikegami) แห่ง MU Research and Consulting, นายมาซาฟูมิ โอคุยามะ (Masafumi Okuyama) แห่ง Zojirushi SE Asia Corporation, นายซาโตชิ อิโตะคาซู (Satoshi Itokazu) แห่ง Kobelco South East Asia, นายเจษฎาภรณ์ ดีวัน แห่ง Kintone Thailand และนางสาววัลลภา ชนะชัย แห่ง Zojirushi SE Asia Corporation ซึ่งได้เข้าร่วมและแบ่งปันกรณีศึกษาใช้งานจริงในโลกธุรกิจ
นายน้ำยา วายุภาพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Kintone (Thailand) จำกัด กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการเฉพาะทางของตลาดประเทศไทยว่า “สำหรับ SMEs ไทยจำนวนมาก ขั้นตอนแรกในการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลอาจดูน่ากังวล เราได้เห็นความสนใจอย่างมากในการใช้ Generative AI เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่หลายองค์กรยังต้องการจุดเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ Kintone สามารถวางกรอบการทำงานที่ปลอดภัยและจัดการได้ง่ายสำหรับธุรกิจเหล่านี้ ในการทดลองและขยายโครงการ AI ของทุกองค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถเติบโตในเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN) ที่มีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น”
งาน Kintone Days Bangkok 2025 ถือเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับการสนทนาและบอกเล่าถึงคลื่นลูกใหม่ของเทคโนโลยีธุรกิจ งานดังกล่าวสนับสนุนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ เพื่อการพัฒนาประเทศไทย พ.ศ. 2565-2570 และโครงการประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) ในวงกว้างโดยตรง ผ่านการนำเสนอแผนที่เส้นทางที่ชัดเจนสำหรับการนำ Generative AI มาใช้ และตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Kintone ในการเสริมสร้างศักยภาพอนาคตดิจิทัลของประเทศ.