แคนนอน เปิดตัว ‘EOS R5 C’ กล้องซีเนม่าไฮบริดน้องใหม่ ผสานสองพลังที่โดดเด่นในแบบฉบับ EOS R System และ EOS Cinema System เพื่อสุดยอดประสิทธิภาพทั้งงานวิดีโอและภาพนิ่ง ฉับไว และเหนือกว่าด้วยการถ่ายวิดีโอไฟล์ RAW ระดับ 8K เกรดภาพยนตร์ และถ่ายภาพความละเอียดสูง 45 ล้านพิกเซล

แคนนอน (Canon) ประกาศเปิดตัว Canon EOS R5 C สมาชิกใหม่ที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับกล้องในตระกูล Cinema EOS โดยได้รับการออกแบบมาจากการผสมผสานจุดแข็งของ EOS R system และ EOS Cinema system เพื่อผู้ที่ต้องการกล้องประสิทธิภาพสูงสำหรับการถ่ายวิดีโอและภาพนิ่ง ตัวกล้องมีรูปทรงกะทัดรัดและน้ำหนักเบาเพียง 680 กรัม มาพร้อมคุณสมบัติที่เหนือชั้นด้วยการถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับ 8K แบบ internal RAW recording

กล้อง Canon EOS R5 C สามารถเข้าถึงใช้งานกล้องถ่ายวิดีโอที่ให้คุณภาพสูงด้วยระบบ Cinema EOS หรือปรับเป็นกล้องถ่ายภาพนิ่งประสิทธิภาพสูงเทียบเท่ากับกล้องมิเรอร์เลส Canon EOS R5[1] (จำหน่ายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563) ได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่การสลับโหมดผ่านแป้นหมุน เปิด/ปิด (ON/OFF) ที่แยกออกมาโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังเพิ่มคุณสมบัติและขีดความสามารถไปอีกขั้นเพื่อเสริมการทำงานทั้งในส่วนงานภาพนิ่งและวิดีโอ ทำให้กล้องรุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ พร้อมสำหรับการใช้งานที่หลากหลายแม้ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องใช้ความคล่องตัว ซึ่งรวมถึงงานสารคดี และสาขางานที่ต้องการคุณภาพสูงระดับงานภาพยนตร์ เช่น งานโฆษณาและงานผลิตวิดีโอสำหรับองค์กร

Canon EOS R5 C มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ CMOS แบบ Full-Frame ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแคนนอนที่ให้ความละเอียดสูงถึง 45 ล้านพิกเซล[2] และมีระบบประมวลผลภาพ DIGIC X ที่สามารถบันทึกวิดีโอแบบ 8K/30P RAW และ 8K/60P RAW เมื่อใช้กับแหล่งจ่ายไฟภายนอก[3] กล้องรุ่นนี้ยังเหมาะสำหรับการผลิตงานวิดีโอ เพราะสามารถเลือกบันทึกวิดีโอ 8K/30P ในรูปแบบไฟล์ MP4 ที่มีขนาดไฟล์เล็ก คล่องตัว แต่ยังคงคุณภาพสูง จึงนำไปใช้งานได้หลากหลาย

ด้วยความสามารถในการอ่านค่าความละเอียดของภาพแบบเต็มพิกเซลสูงระดับ 8K ซึ่งมีข้อมูลจำนวนมาก จึงทำให้ Canon EOS R5 C สามารถทำ Oversampling เพื่อสร้างไฟล์วิดีโอแบบ 4K / 4:2:2 / 10 บิต ที่มีคุณภาพของภาพสูงได้ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการออกแบบระบบถ่ายเทความร้อนและพัดลมระบายอากาศเอกสิทธ์เฉพาะของแคนนอน ที่ติดมากับตัวกล้อง ทำให้ Canon EOS R5 C สามารถรองรับการบันทึกวิดีโอได้ยาวนานกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Canon EOS R5

Canon EOS R5 C ยังมีรูปแบบการบันทึกไฟล์แบบ Cinema RAW Light ที่สามารถรักษาความสมบูรณ์ของไฟล์วิดีโอ RAW ในขณะที่ลดขนาดไฟล์ให้เล็กลง ด้วยความสามารถของการบันทึกข้อมูลภายในตัวกล้อง ทำให้สามารถบันทึกวิดีโอลงสื่อได้ เช่น การ์ด CFexpress ได้โดยไม่ต้องต่ออุปกรณ์บันทึกข้อมูลภายนอก กล้องยังรองรับการบันทึกวิดีโอในรูปแบบ XF-AVC เอกสิทธิ์เฉพาะจากแคนนอนตามมาตรฐานการออกอากาศ ทำให้ Canon EOS R5 C เป็นกล้องที่สามารถใช้งานได้หลากหลายและครอบคลุมทุกการใช้งาน นอกจากนี้ด้วยการบันทึกอัตราเฟรมสูง ความละเอียดระดับ 4K/ 120p จึงช่วยให้งานวิดีโอที่ลื่นไหลแม้จะถ่ายวิดีโอสโลว์โมชั่น

กล้องรุ่นนี้ยังให้คุณภาพของภาพในระดับสูง ด้วยการบันทึกภาพที่ความละเอียดถึง 45 ล้านพิกเซล และการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง สามารถถ่ายภาพนิ่งต่อเนื่องได้สูงสุด 20 เฟรมต่อวินาที (FPS) เมื่อใช้ร่วมกับชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ และสามารถถ่ายภาพนิ่งต่อเนื่องได้ 12 เฟรมต่อวินาที เมื่อใช้กับชัตเตอร์กลไก หรือม่านชัตเตอร์อิเล็กโทรนิกส์[4] ทำให้สามารถบันทึกภาพคุณภาพสูงได้แม้ต้องถ่ายวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว

Canon EOS R5 C จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยช่วงกลางเดือนมีนาคม 2565 ในราคาอย่างเป็นทางการ 159,900 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่สั่งจองล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2565 – 31 มีนาคม 2565 จะได้รับฟรี CFexpress 512GB & CFexpress Card Reader (มูลค่า 25,790 บาท) และรับเพิ่มข้อเสนอพิเศษในโอกาสฉลองครบรอบ 35 ปี Canon EOS System เมื่อซื้อกล้อง Canon EOS R5 C หรือ Canon EOS C70 ภายในวันที่ 17 มีนาคม 2565 – 30 เมษายน 2565 ดังนี้

  • รับส่วนลด 35% สำหรับแลกซื้อ Mount Adapter EF-EOS R 71x
  • และรับส่วนลดเงินคืน 4,000 บาท เมื่อซื้อเลนส์ RF 24-70mm f/8L IS USM และ / หรือ RF 70-200mm f/2.8L IS USM

ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่นได้ที่ https://life.canon.co.th/news-activities-detail.html?id=46   หรือสอบถามผ่าน Canon Call Center 0-2344-9988

[1]  EOS R5 C ใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Combination IS ในขณะที่ EOS R5 ใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ In-body Image Stabilization: IBIS

[2]  จำนวนพิกเซลจริง: ประมาณ 47.10 ล้านพิกเซล

[3]  เพื่อให้การบันทึกภาพที่ความละเอียดสูงระดับ 8K/60P ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แนะนำให้ใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริม DC coupler DR-E6C และ Compact Power Adapter CA-946; หรือ  USB power adapter PD-E1 (แยกชิ้นจำหน่าย โดยมีกำหนดวางจำหน่ายพร้อมกล้อง EOS R5 C)

[4] ความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่าง ๆ อาทิ การตั้งค่ารูรับแสงหรือประเภทของเลนส์ที่ใช้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้จากเว็บไซต์แคนนอน https://th.canon