Dyson เปิดตัวพัดลมกรองอากาศรุ่นล่าสุดพร้อมเทคโนโลยีตรวจจับมลพิษแบบใหม่ สามารถกรองมลพิษทางอากาศที่เป็นอันตรายภายในอาคาร

ผู้คนนับล้านทั่วโลกใช้เวลาอยู่ภายในบ้านมากขึ้น ด้วยความสามารถของพัดลมกรองอากาศในการตรวจจับฟอร์มาลดีไฮด์ด้วยเทคโนโลยี solid-state แบบใหม่ บวกกับระบบการกรองที่ได้มาตรฐานของ HEPA 13 และการทำงานที่เงียบลงถึง 20% กลุ่มผลิตภัณฑ์พัดลมกรองอากาศ Dyson Purifier Cool จึงช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าสภาพแวดล้อมในบ้านจะสะอาดขึ้น

วันนี้ Dyson ได้เปิดตัวพัดลมกรองอากาศรุ่นใหม่ล่าสุดพร้อมเทคโนโลยี solid-state ในการตรวจจับฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อดักจับฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ แม้กระทั่งทำลายสาร VOCs ที่อาจเป็นอันตราย รวมถึงฟอร์มาลดีไฮด์ที่เป็นสารก่อมลพิษในก๊าซที่ไม่มีสี มีแหล่งกำเนิดมาจากเฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์ไม้ต่าง ๆ เช่น ไม้อัด ไฟเบอร์บอร์ด เป็นต้น และวัสดุที่เป็นฉนวนหรือผลิตภัณฑ์ เช่น สีทาบ้าน วอลล์เปเปอร์ น้ำมันขัดเงา และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือน สารเหล่านี้มีขนาดที่เล็กกว่าอนุภาคขนาด 0.1 ไมครอนถึง 500 เท่า จึงตรวจจับได้ยากเป็นพิเศษ และหากปล่อยทิ้งไว้ อาจเป็นอันตรายเนื่องจากได้สัมผัสสารเคมีในอากาศอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน

ในขณะที่เซ็นเซอร์ฟอร์มาลดีไฮด์แบบ gel-based อื่น ๆ อาจเสื่อมสภาพตามกาลเวลาและอาจเกิดความสับสนในการทำงานตรวจจับมลพิษ VOC อื่น ๆ เซ็นเซอร์ฟอร์มาลดีไฮด์แบบ solid-state แบบใหม่ที่ทำงานร่วมกับอัลกอริธึมเฉพาะของ Dyson สามารถตรวจสอบระดับฟอร์มาลดีไฮด์ได้อย่างแม่นยำ โดยไม่สับสนกับก๊าซอื่น ๆ ที่ถูกตรวจจับโดยเซ็นเซอร์ VOC โดยเฉพาะ

นักวิศวกรของ Dyson ได้ออกแบบเส้นทางการไหลเวียนของอากาศใหม่เพื่อให้ได้ตามมาตรฐาน HEPA 13 อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้มั่นใจว่าอากาศจะไม่รั่วไหลผ่านตัวกรอง และยังปิดกั้นจุดรั่วที่อาจเกิดขึ้นซึ่งอาจทำให้อากาศสกปรกไหลเข้าสู่กระแสลมได้ พัดลมกรองอากาศรุ่นล่าสุดของ Dyson สามารถกำจัดอนุภาคที่มีขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอนได้ 99.95% นอกจากนี้ การปรับปรุงระบบเส้นทางการไหลเวียนของอากาศยังทำให้พัดลมกรองอากาศ Dyson Pure Cool และพัดลมกรองอากาศ Dyson Pure Cool Formaldehyde ทำงานเงียบลงถึง 20% โดยไม่ทำให้ประสิทธิภาพในการกรองอากาศลดลง

Alex Knox, รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Environmental Care ของ Dyson กล่าวว่า:

ก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์เป็นสารที่ตรวจจับได้ยากมากและอาจตกค้างอยู่ภายในบ้านเป็นเวลาหลายปี Dyson ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถตรวจจับ ดักจับ และทำลายมลพิษเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำและประสบความสำเร็จ เซ็นเซอร์ solid-state ของเราจะไม่ลดประสิทธิภาพในการทำงานตามการเวลา จึงทำให้เครื่องสามารถมีอายุการใช้งานได้อย่างยาวนาน ทั้งนี้ การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้สร้างความตระหนักทั่วโลกเกี่ยวกับอากาศที่เราหายใจเข้าไป ความมุ่งมั่นของ Dyson ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำให้อากาศสะอาดขึ้นผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีจึงยังคงเป็นภารกิจหลักของเรา”

เจนเนอร์เรชั่นที่ใช้ชีวิตส่วนมากภายในอาคาร

ในทุก ๆ วัน มนุษย์สามารถสูดอากาศได้ถึง 9,000 ลิตร แม้กระทั่งก่อนที่มีการระบาดของโควิด-19 เราใช้เวลามากถึง 90% อยู่ในบ้านและอาคาร เนื่องจากบ้านของเรากลายเป็นพื้นที่ที่เรากิจกรรมต่าง ๆ เช่น ทำงาน ออกกำลังกาย นอนหลับและเล่นมากขึ้น คุณภาพของอากาศที่เราหายใจเข้าไปในทุก ๆ ส่วนของกิจวัตรประจำวันของเรานั้นจึงเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ

แหล่งกำเนิดมลพิษภายในอาคารเกิดจากหลายปัจจัยที่ปล่อยมลพิษ เช่น PM10, PM2.5, VOCs, NO2 และฟอร์มาลดีไฮด์สู่อากาศ แหล่งที่มาของมลพิษมีอยู่ในทุกมุมในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็น PM2.5 ที่ปล่อยออกมาจากการปรุงอาหาร สาร VOCs ที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หรือการปล่อยก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์อย่างต่อเนื่องจากเฟอร์นิเจอร์ในห้องนั่งเล่นของเรา กลุ่มผลิตภัณฑ์พัดลมกรองอากาศ Purifier Cool รุ่นใหม่ของ Dyson ได้ถูกปรับปรุงและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงเทคโนโลยีล่าสุดในสามส่วนหลัก ได้แก่ การตรวจจับ การกรอง และระบบเสียง

ตรวจจับและทำลายฟอร์มาลดีไฮด์ได้อย่างแม่นยำ

นอกจากเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับอนุภาคอย่าง NO2 และ VOCs รวมทั้งตรวจจับอุณหภูมิและความชื้นที่ติดตั้งอยู่แล้ว ตัวเครื่องยังมีเซ็นเซอร์ฟอร์มาลดีไฮด์อัจฉริยะ ช่วยให้สามารถตรวจจับสารมลพิษได้อย่างแม่นยำตลอดอายุการใช้งานของเครื่อง เซ็นเซอร์ฟอร์มาลดีไฮด์สามารถเป็นแบบ gel-based ซึ่งมันอาจจะค่อย ๆ เสื่อมลงเมื่อมันแห้งตามกาลเวลา ทั้งนี้ เมื่อใช้เซลล์ไฟฟ้าที่เป็นเคมี เซ็นเซอร์ฟอร์มาลดีไฮด์ของ Dyson จึงไม่แห้ง เมื่อทำงานกับอัลกอริธึมอัจฉริยะที่เป็นเอกลักษณ์ มันจะตรวจสอบข้อมูลทุกวินาที โดยสามารถตรวจจับได้อย่างแม่นยำ ไม่สับสนกับ VOC อื่น ๆ

ระบบตัวกรอง Selective Catalytic Oxidisation (SCO) ของ Dyson สามารถทำลายฟอร์มาลดีไฮด์ได้อย่างต่อเนื่องที่ระดับโมเลกุล ตัวกรองของตัวเร่งปฏิกิริยามีการเคลือบที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีโครงสร้างเหมือนกับแร่ cryptomelane ขนาดที่เท่ากับอะตอมหลายพันล้านของมัน มีขนาดและรูปร่างที่เหมาะสมที่สุดในการดักจับและทำลายฟอร์มาลดีไฮด์ให้กลายเป็นน้ำปริมาณเล็กน้อยและคาร์บอนไดออกไซด์ จากนั้นจะสร้างให้เป็นออกซิเจนในอากาศ

การกรองแบบ full-machine HEPA

ในพัดลมกรองอากาศรุ่นใหม่ของ Dyson ไม่ใช่แค่ระบบตัวกรองเท่านั้นที่ตรงตามมาตรฐาน HEPA H13 แต่เป็นระบบตัวเครื่อง สามารถดักจับไวรัส H1N1 และอนุภาคได้ 99.95% ที่มีขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอน เช่น สารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย และละอองเกสร นักวิศวกรของ Dyson ใช้วิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้เครื่องจักรที่ปิดสนิท โดยสร้างซีลแรงดันสูงเพิ่มเติมอีก 24 จุด เพื่อป้องกันอากาศสกปรกไม่ให้ไหลผ่านตัวกรองและปล่อยออกมาในห้อง

 Dyson Purifier Cool: ออกแบบวิศวกรรมเสียงให้เงียบลง 20%

นักวิศวกรของ Dyson ได้เพิ่มความพยายามในการลดเอาต์พุตเสียงของ Dyson Purifier Cool ลงในขณะที่ยังคงประสิทธิภาพในการกรองอากาศให้บริสุทธิ์ ด้วยการออกแบบและทดสอบหลายรอบในห้องที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ทดสอบเสียงภายศูนย์พัฒนา Dyson ประเทศมาเลเซีย เครื่องจักรได้รับการปรับปรุงทางวิศวกรรมใหม่ ทำให้เครื่องมีเสียงเงียบลง 20% ลดปัญหาเสียงรบกวน นักวิศวกรของ Dyson ได้ปรับปรุงเส้นทางการไหลเวียนของอากาศโดยขยายรูรับแสง (ช่องที่อากาศออกจากเครื่อง) และปรับปรุงรูปทรงซึ่งจะช่วยลดปริมาณแรงเสียดทานระหว่างอากาศและพื้นผิวของเครื่องได้ ส่งผลให้เสียงมีระดับลดลงจาก 64 เป็น 61 เดซิเบลในระดับโหมดพัดลมสูงสุด

เทคโนโลยี Air Multiplier

ด้วยการใช้เทคโนโลยี Dyson Air Multiplier ตัวเครื่องจึงสามารถกระจายอากาศที่บริสุทธิ์ไปยังทุกมุมห้อง การทำงานโหมดอัตโนมัติช่วยให้เครื่องสามารถรักษาระดับอุณหภูมิของห้องและคุณภาพอากาศที่ต้องการได้ ในขณะที่เครื่องสามารถควบคุมได้ทั้งหมดด้วยแอป Dyson Link และเปิดการสั่งงานด้วยเสียงได้

ออกแบบเพื่อการใช้งานกับสภาพแวดล้อมของบ้านจริง ๆ

พัดลมกรองอากาศของ Dyson ถูกออกแบบมาให้เข้ากับขนาดพื้นที่ของบ้านจริง ๆ โดยตามมาตรฐานอุตสาหกรรมในการทดสอบพัดลมกรองอากาศจะวัดประสิทธิภาพโดยใช้การทดสอบในห้องปฏิบัติการขนาดเล็กเพียง 12 ตร.ม. พร้อมพัดลมติดเพดานเพื่อหมุนเวียนอากาศ และเซ็นเซอร์หนึ่งตัวภายในห้องเพื่อตรวจวัดคุณภาพอากาศ แต่สำหรับการทดสอบของ Dyson นั้น เป็นการทดสอบแบบ POLAR ซึ่งสดสอบกับขนาดห้องที่ใหญ่ขึ้น คือขนาด 27 ตร.ม. โดยไม่มีพัดลมเสริม และใช้เซ็นเซอร์ถึงแปดตัวติดตั้งที่มุมห้องและหนึ่งเซ็นเซอร์ตรงกลางเพื่อรวบรวมข้อมูลคุณภาพอากาศ

การรับประกัน: พัดลมกรองอากาศ Dyson มีการรับประกันอะไหล่และค่าซ่อม 2 ปี

รีโมทคอนโทรล: สามารถจัดเก็บรีโมทคอนโทรลไว้ด้านบนตัวเครื่องด้วยแม่เหล็ก

ช่วงเวลานอน: สามารถตั้งเวลาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ 15 นาทีถึง 9 ชั่วโมง

แอปพลิเคชัน Dyson Link: พร้อมใช้งานสำหรับ iOS และ Android แอป Dyson Link ช่วยให้คุณสามารถติดตามมลภาวะในบ้าน อุณหภูมิ และความชื้น ตลอดจนให้การสนับสนุนด้านการบำรุงรักษาและการแก้ไขปัญหา

การสั่งงานด้วยเสียง: สามารถต่อกับ Google Home, Alexa และ Siri ได้

โหมดเวลากลางคืน: ตั้งค่าให้เสียงเงียบลงได้

 เกี่ยวกับ Dyson

Dyson เป็นบริษัทวิจัยและเทคโนโลยีระดับโลก ที่มีการดำเนินงานด้านวิศวกรรม การวิจัย การพัฒนา การผลิตและการทดสอบในประเทศสิงคโปร์ สหราชอาณาจักร มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ Dyson ได้เริ่มต้นจากบ้านหลังเล็ก ๆ ในสหราชอาณาจักร และได้เติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1993 ปัจจุบัน มีวิทยาเขตเทคโนโลยีถึงสองแห่งในสหราชอาณาจักรซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 800 เอเคอร์ในเมือง Malmesbury และ Hullavington และมีสำนักงานใหญ่ระดับโลกที่ประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ ธุรกิจของ Dyson บริหารด้วยครอบครัวและมีพนักงานมากกว่า 14,000 คนทั่วโลก รวมทั้งนักวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์กว่า 6,000 คน และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใน 83 ตลาดทั่วโลก

Dyson ได้ลงทุนกว่า 2.75 พันล้านปอนด์ ในธุรกิจเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่จะปฏิวัติวงการ ซึ่ง Dyson มีทีมวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ระดับโลกที่มุ่งเน้นการพัฒนาเซลล์แบตเตอรี่แบบโซลิดสเตต ดิจิตอลมอเตอร์ไฟฟ้าความเร็วสูง ระบบตรวจจับและวิชั่นซิสเต็ม หุ่นยนต์ เทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องจักร และการลงทุนกับ A.I.  นับตั้งแต่คิดค้นเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้ถังเก็บฝุ่นแบบไซโคลนิกเครื่องแรก -DC01- ในปี ค.ศ. 1993 Dyson ก็ได้สร้างเทคโนโลยีการแก้ปัญหาสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม การฟอกอากาศ วิทยาการหุ่นยนต์ การจัดการแสง และการเป่าแห้งต่อมา

Dyson Institute of Engineering and Technology เป็นสถานการศึกษารูปแบบใหม่ที่ผสมผสานความเข้มงวดด้านวิชาการของมหาวิทยาลัยแบบดั้งเดิมเข้ากับการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในการทำงานภายในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก และยังมีมูลนิธิ James Dyson Foundation ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2002 และองค์กรการกุศลระดับสากลที่สนับสนุนความสามารถของนักวิศวกร ด้านการศึกษา และการลงทุนด้านการวิจัยทางการแพทย์ นอกจากนี้ยังมีมูลนิธิ James Dyson Award เป็นการแข่งขันการออกแบบระดับนานาชาติประจำปีของมูลนิธิ ที่มีการเปิดรับสมัครผู้แข่งที่เป็นนักศึกษาด้านการออกแบบและวิศวกรรมในปีปัจจุบัน นับตั้งแต่เริ่มต้นใน ปี ค.ศ. 2005  รางวัลดังกล่าวได้สนับสนุนสิ่งประดิษฐ์กว่า 250 รายการ โดยเป็นการให้ทุนสนับสนุนการประดิษฐ์แบบเชิงพาณิชย์