วิศวกร NASA สร้างกล่อง “ระเบิดกากเพชร” แกล้งโจรขโมยพัสดุ

หลังเคยถูกโจรขโมยพัสดุจากหน้าบ้านตัวอย่าง ตำรวจทำอะไรไม่ได้ ทำให้ Youtuber รายหนึ่งชื่อ Mark Rober ปล่อยคลิป “Package Thief vs. Glitter Bomb Trap” เผยวิธีแกล้งโจรแบบแสบสัน : b

อย่างที่รู้กันว่า ในอเมริกาเวลามีพัสดุมาส่งที่บ้าน แต่ไม่มีใครอยู่บ้าน เจ้าหน้าที่ก็จะวางพัสดุนั้นตรงหน้าประตูบ้านเลย แน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่ล่อตาโจรสุด ๆ กระทั่งมี Youtuber รายหนึ่งที่ชื่อว่า Mark Rober ได้ปล่อยคลิป “Package Thief vs. Glitter Bomb Trap” เป็นคลิปแก้แค้นโจรขโมยพัสดุ ด้วยกล้องพัสดุมัน ๆ สุดหรรษา : D

เรื่องของเรื่องคือ Youtuber หรือนาย Mark Rober คนนี้ เขาเล่าว่าวันหนึ่ง เขาถูกใจรขโมยกล่องพัสดุของตัวเองตรงหน้าประตูบ้าน ตอนแรกเขาสงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงยังไม่ได้พัสดุเสียที กระทั่งลองไปเปิดกล้องวงจรปิดดู ก็โป๊ะเชะ !!

พบมีใครจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ดี ๆ เดินเข้ามาหยิบกล่องพัสดุของตัวเอง จากนั้นก็ชิ่งหนีไปดื้อ ๆ แน่นอนว่านาย Mark ได้ส่งคลิปนี้แจ้งไปยังตำรวจให้ช่วยตามเรื่องแล้ว แต่เรื่องก็ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เลย แม้จะเห็นภาพคนร้ายชัดเจนก็ตาม

เมื่อรู้ว่าตำรวจช่วยอะไรไม่ได้ ทว่าด้วยดีกรีเป็นถึงวิศวกรของ NASA ทำให้นาย Mark จึงตัดสินใจเอาคืนโจรด้วยตัวเองซะเลย ด้วยการพัฒนากล่องพัสดุสุดหรรษาที่มีชื่อว่า Glitter Bomb Trap หรือ กล่องระเบิดกากเพชร !!

ตัวกล่องจะปลอมเป็นกล่องใส่ HomePod ลำโพงไร้สายตัวหรูจาก Apple (ล่อตาโจรยิ่งนัก) แต่ภายในกลับซ่อนความกวนไว้ดังนี้

ส่วนที่ 1 ตัวใบพัด (หรือแก้วกรวยติดใบพัด) ที่กรอกกากเพชรไว้เต็มสูบ ซึ่งตัวใบพัดจะทำงานพร้อมกระจายกากเพชรอย่างสวยงามทันที หลังพบว่ามีการเปิดตัวกล่องขึ้นมา

ส่วนที่ 2 สมาร์ทโฟนภายใน 4 เครื่อง โดยจะทำหน้าที่เป็นกล้องบันทึกภาพคนร้ายแบบ 4 มุม กับเป็น GPS ช่วยติดตามตัวกล่องเวลาถูกขโมย และสุดท้ายเป็นลำโพงที่จะเปิดเสียงด่าของเสียงนาย Mark ขึ้นมาด้วย

ส่วนที่ 3 สเปรย์กลิ่นตด โดยจะทำงานหลังสาดกากเพชรไปแล้ว ทำให้คนร้ายทนกลิ่นไม่ไหว จนตัดสินใจทิ้งกล่องนี้ในที่สุด

หลังทำเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลามัน ๆ เมื่อนาย Mark นำกล่องนี้ไปวางไว้หน้าบ้านตัวเอง หรือให้เพื่อนลองดูด้วย ผ่านไปไม่นานก็มีโจรมาหยิบไป

อย่างที่กล่าวไป ตัวกล่องมีสมาร์ทโฟน 4 เครื่องพร้อม GPS ถึงไหนถึงกัน

และทันทีที่โจรเปิดกล่องขึ้นมา ก็พบกับ.. Surprise Motherf*cker 

ใครอยากดูคลิปแบบเต็ม ๆ ลองดูได้ที่นี่เลยครับ

ที่มา : Mark Rober (Youtube)