หลงทางเสียเวลา หลง GPS เสีย??

เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานายเกาเหลาได้อาศัยรถของเพื่อนไปเที่ยวภูเก็ต นับเป็นการเดินทางอันแสนยาวววววนาน (12 ชั่วโมงเอง) ระหว่างที่นั่งว่างอยู่ในรถก็เลยทำให้สายใช้สายตาสอดส่ายดูโน้นดูนี่ จนสายตาก็ไปพบกับกล่องสี่เหลี่ยมใบย่อมๆ ที่มีเสียงหญิงสาวคอยบอกทางว่า “อีก 500 เมตร เลี้ยวซ้าย” หรืออีกหลายๆ ประโยคที่ดังอยู่ตลอดการเดินทาง

ใช่แล้วมันคือ GPS ซึ่งมีขายกันมาหลายปี แต่ดูเหมือนว่าเดี๋ยวนี้ดูจะฮิตติดรถกันมากขึ้น แถมราคาก็ลดลงเรื่อยๆ จึงเกิดคำถามจากคนที่กำลังจะหาซื้อว่าจะเลือกรุ่นไหนยี่ห้ออะไรดี โดยภาพรวมแล้ว สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่

1. ตัวเครื่อง GPS ต้องมีความเร็ว และความเสถียรในการใช้งาน ขนาดหน้าจอที่เหมาะสม และสามารถรับสัญญาณได้ดี

CPU: ควรเลือกเครื่องที่มีซีพียูที่ทำงานได้เร็ว ปกติไม่ควรต่ำกว่า 400 MHz ซึ่งบางยี่ห้อก็จะบอกสเปกไว้ บางยี่ห้อก็ไม่ได้บอกครับ แนะนำให้ถามจากคนขาย

GPS Chipset: ชิปยอดนิยมที่ใช้กันมากๆ เลยก็คือ SirF STAR III ที่ขึ้นชื่อว่ารับสัญญาณได้ดีมากๆ ปัจจุบันมีชิป SiRF MTK ออกมาแล้วรับสัญญาณได้เร็วกว่า และประหยัดไฟมากกว่า

Display: ขนาดหน้าจอ ยิ่งใหญ่ยิ่งทำให้เห็นแผนที่ได้ชัด และกดเลือกฟังก์ชันต่างๆ ได้สะดวก เพราะปุ่มจะมีขนาดใหญ่ ปกติจะมีขนาด 3.5 นิ้วขึ้นไป และหากเป็นไปได้ ควรเลือกรุ่นที่เป็นจอแบบ Wide Screen เอาไว้ก่อน เพราะรุ่นใหม่ๆ จะมีฟังก์ชัน Junction View ที่จะแสดงช่องทางเดินรถบริเวณทางแยก หรือสะพานต่างๆ ให้ทราบด้วย

Battery: แบตเตอรี่ที่ใช้อยู่ตอนนี้เป็นแบบ ลิเทียมไอออน แบบเดียวกับมือถือหมดแล้ว แต่ละรุ่นมีขนาดแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน แต่สำหรับคนที่ใช้ในรถประจำก็ไม่ต้องซีเรียสอะไรมากมาย
Internal Memory / Memory Card: หน่วยความจำนั้นไม่ค่อยมีผลต่อการใช้งานเท่าไหร่ แต่มีไว้เยอะๆ หน่อยก็ดี เพราะสามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ ไว้ในเครื่องได้เลย

2. ซอฟต์แวร์นำทาง แต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ส่วนนี้บอกลำบากมากๆ ว่าของเจ้าไหนดีที่สุดครับ บางคนเคยใช้ Garmin มาก็จะบอกว่า Garmin ดีที่สุดแล้ว พอไปใช้ iGo ก็อาจจะบอกว่าใช้งานยาก ส่วนคนที่ใช้ iGo มาก่อนจนชินก็จะบอกว่า iGo ใช้ง่าย นำทางดี ไปลองใช้ Garmin ก็อาจจะบอกว่าใช้งาน ฟังก์ชันน้อยก็เป็นไปได้ครับ เท่าที่เห็นคนพูดถึงกันเยอะก็น่าจะเป็น Garmin และ SpeedNavi

3. แผนที่ : ต้องมีความละเอียด และมีจำนวน POI (Point of Interest) มากพอและครบถ้วน ส่วนใหญ่ในบ้านเรานั้น มีผู้ที่ผลิตแผนที่หลายเจ้าด้วยกัน เช่น  ABLE ITS , ESRI , MAP POINT ASIA , BANGKOK GUIDE, MapKing , iGO, SpeedNavi, Mio Map และ Papago ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีการเลือกว่าจะใช้แผนที่ตัวไหน ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันที่นิยมกันมากๆ เลยก็คือ ESRI ในเครื่องของ Garmin, SpeedNavi ในเครื่องหลายยี่ห้อ, iGo ส่วนใหญ่จะใช้บนมือถือ Andriod หรือก็พวกเครื่อง GPS จีน

GPS1

 

GPS2

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here