ว่าด้วยเรื่องของ Meme คืออะไร มายังไง และดังได้ไง มาทำความรู้กัน

“มีมนี้” ไม่ใช่ “Ancient Aliens Guy” ที่เห็นในภาพปกแต่อย่างใด แต่เป็นมีม (Meme) ที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าบางคนยังไม่รู้จักความหมายแบบลึก ๆ หรือยังไม่รู้ว่ามันมีที่มาอย่างไรกันแน่ ไม่ก็เราจะเป็น Meme ซะเองต้องทำยังไง ? เช่นแบบนี้

“Disaster Girl” โดย Zoe Roth

เมื่อเร็ว ๆ นี้เอง พบมีคนทำรายได้ภาพ Meme ของตัวเองได้ถึง 15 ล้านบาท อย่าง Disaster Girl ซึ่งบุคคลในภาพก็คือ Zoe Roth ในวัย 4 ขวบ (ปัจจุบันอายุ 21 ปีแล้ว) โดยเธอกับพ่อของเธอที่เป็นผู้ถ่ายภาพดังกล่าวนี้เอง ได้ตัดสินใจนำภาพ ‘ต้นฉบับ’ นี้ไปปล่อยเป็น NFT จนได้เงินประมูลอย่างมหาศาล (ดูรายละเอียดได้ที่นี่)

ฉะนั้นจีงมีคำถามว่า “ทำได้ไง” และตกลง Meme คืออะไรกันแน่ บทความนี้ก็ขอจะพามาเปิดโลกของ Meme พร้อมขยายความกันใหม่ โดยเปิดมุมมองแปลก ๆ ที่หลายคนคาดไม่ถึงกันครับ

ผู้ใดครอง Meme ผู้นั้นครองโลก 

“Thinking” โดย Eddie Murphy

เป็นคำกล่าวที่จำไม่ได้แล้วว่าผุดมาจากไหน แต่ก็พอช่วยทำให้อธิบายความหมายของคำว่า Meme ได้ดีไม่น้อย คือ Meme มันมาจากภาษากรีกโบราณว่า Mimeme หมายถึง “สิ่งเลียนแบบ” รวมกับคำว่า Gene หรือ “ยีน” (ถ่ายทอด) จากภาษาอังกฤษ กลายเป็น Meme ซึ่งคำนี้เองก็มีต้นกำเนิดจากหนังสือ The Selfish Gene เขียนโดย Richard Dawkins

ครองโลกยังไง ? อย่างที่กล่าวไป Meme มีสองความหมายรวมกันคือ เลียนแบบ และ ถ่ายทอด แปลง่าย ๆ คือ การเลียนแบบที่ถูกส่งต่อ ๆ กันไป ถ้ายังงง ๆ อยู่ ก็ลองดูถ้าคำแปลจาก Wiki ได้ตามนี้

“รูปแบบของ ความคิดทางวัฒนธรรม สัญลักษณ์ หรือการปฏิบัติ ที่สามารถส่งผ่านจากจิตใจคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ผ่านการเขียน การพูด ท่าทาง พิธีกรรม ภาพล้อเลียน และมีคำศัพท์ต่างๆในภาพที่มีความหมายเชิงตลก หรือปรากฏการณ์ลอกเลียนแบบอื่น ๆ” 

น่าจะพอเข้าใจมากขึ้นแล้ว สรุปมันคือการส่งต่อ ‘พฤติกรรม’ บางอย่าง ที่ส่วนใหญ่ปรากฏเป็น ภาพถ่าย วิดีโอ หรือภาพวาด จนกลายเป็น “ไวรัล” ในโลกอินเทอร์เน็ต ที่มักถูกหยิบไปใช้จากจากผู้คนมากมายนั้นเอง

“Hide the Pain Harold” โดย András Arató

และถ้า Meme ดังนั้น ๆ มีลักษณะเป็นภาพใบหน้าคนชัดเจน และถูกนำไปใช้จนทั่วโลก ทีนี้ล่ะครับ คน ๆ นั้นจะกลายเป็นคนดังในโลกอินเทอร์เน็ตแบบงง ๆ และไม่รู้ตัว แบบนี้..

ที่มา : https://boingboing.net/2019/11/08/hide-the-pain-harold-descr.html

จากเดิมที่ควรจะเป็นภาพ Stock เอาไว้ใช้ประกอบบทความเชิงธุรกิจ กลับกลายเป็น Meme ดังแทน ซึ่งงานนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่านาย András Arató ที่เป็นบุคคลในภาพ จะดีใจหรือเสียใจดี

ใด ๆ ก็ตาม ก็ถึงขั้นสัมภาษณ์ออกสื่อแล้ว.. ซึ่งใครอยากรู้ที่มาที่ไปของ Meme นี้ ลองดูคลิปข้างต้นได้เลยครับ

ทีนี้ก็พอทราบแล้วว่าทำไม ใครครอง Meme คนนั้นถึงครองโลกได้ คืออาจไม่ได้ถึงขั้นครองโลกแบบยึดครองอะไรแบบนั้น แต่ในที่นี้คือหมายถึง ‘ครองใจ’ ผู้คนเป็นจำนวนมากกว่า ซึ่งเอาตรง ๆ นะ ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนในปัจจุบัน น่าจะรู้จัก Meme มากกว่ารู้จัก ดาราหรือคนดัง ในสมัยนี้ซะอีก เหตุผลก็ง่าย ๆ เลยคือ มันเข้าถึงง่าย แค่นั้นเองเลย (กราบขอบคุณอินเทอร์เน็ต)

แต่ก็มีกรณีที่คนดังกลายเป็น Meme ซะเองก็มีเช่นกัน อย่าง “Thinking” ภาพ Meme โดย Eddie Murphy นักแสดงชาวอเมริกันชื่อดัง หรือ.. ???

“Confused” โดย Nick Young

Meme ดังที่น่าจะเห็นกันบ่อย ๆ อย่าง “Confused” ที่ถูกแคปภาพจากคลิปวิดีโอ Thru The Lens: (DAY IN THE LIFE): Episode 04 – Day in the life of Nick Young ที่ทีมงานเข้าไปถ่ายทำกิจวัตรประจําวันกับครอบครัวที่บ้านของ Nick Young อดีตนักบาสเกตบอลอาชีพชาวอเมริกัน ตลอดช่วงแรกของคลิปก็ไม่มีอะไรมาก กระทั่งนาทีที่ 5:38

Nick Young กลายเป็นตำนานทันใด…

ทำไมถึงเป็น Meme ได้

คราวนี้มาฝั่งไทยเราบ้าง กับหัวข้อถัดไปคือ ทำไมถึงเป็น Meme ได้ ? เอาเป็นว่าลองดูคลิปนี้ก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ลองคิดแบบที่หลาย ๆ คนน่าจะรู้สึกเหมือนกันคือ มันมาจากไหน !!?

สำหรับ Meme “วัยรุ่นทำไรอะ” ที่กำลังโด่งดังมาก ๆ ในขณะนี้เอง ซึ่งก็เริ่มมีเหล่า Creator ทำคลิปเลียนแบบกันแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบว่าต้นฉบับแท้จริงมาจากไหนกันแน่ แต่ก็มีเพจ Facebook ที่ชื่อ อันนี้ต้องจด ได้โพสคลิปนี้ไว้ตั้งแต่ 31 ตุลาคม 2020 เนื้อหาภายในคลิปก็เหมือนเป็นตำรวจ กำลังจับคนที่คาดว่าเสพยาอยู่ (โดยถ่ายคลิปไปด้วย) ส่วนคนในคลิปก็ปฏิเสธเสียงแข็ง บอกไม่ได้เสพหลายครั้ง แต่ทำอุปกรณ์ อุปกรณ์อะไร อุปกรณ์ยาไอซ์…

ต่อไปก็ลองมาวิเคราะห์ดูว่า ทำไมคลิปนี้ถึงดัง และทำไมถึงกลายเป็น Meme ดังในขณะนี้ เนื้อหาในคลิปก็อย่างที่ทราบกันไปแล้ว ประเด็นสำคัญคือ ‘องค์ประกอบ’ ซึ่งผมว่ามีอยู่สองจุดใหญ่ ๆ เลยคือ

  • “เฮ้ย วัยรุ่นทำไรอ่ะ” เสียงพูดเปิดคลิปที่แสนจะคุ้นเคย (และชวนฮา) คือเมื่อก่อนเคยมีคำพูดติดหูบ่อย ๆ ว่า ไปไหนวัยรุ่น อ่านอะไรวัยรุ่น กินอะไรวัยรุ่น และ เฮ้ย วัยรุ่นทำไรอ่ะ ณ ปัจจุบันนี้เอง อีกทั้งคนพูดที่คาดว่าเป็นตำรวจ ก็เลยกลายเป็นความขำขัน ที่มาจากคนเป็นเจ้าหน้าที่นั้นเอง
  • “สะบัดผม” น่าจะเป็นจุดพีคสุดของคลิปแล้ว ซึ่งถูกเอาไปทำคลิปล้อเลียนหรือ Meme เด่นชัดที่สุด คือปกติหากเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด สภาพส่วนใหญ่มักจะดูไม่จืด โทรมจนดูไม่ได้ แต่นี้อะไร ผมสลวยสวยเก๋ ราวกับโฆษณาแชมพู มันเลยเป็นจุดที่หลายคนติดตา

จุดรวมเลยคือ ความคุ้นเคย ความแปลกตา และความเป็นกันเอง ที่มันทำให้คลิปนี้ดังและกลายเป็น Meme อย่างไรก็ตาม Meme นี้ อาจไม่ถึงขั้นครองโลกแบบ Meme ที่ยกมาก่อนหน้านี้ แต่ก็พอช่วยอธิบายหัวข้อ ทำไมถึงกลายเป็น Meme ดัง ได้ดี ต้องบอกตรง ๆ เลยว่า โลกอินเทอร์เน็ตเรามันลี้ลับแท้ บางอย่างมันก็อธิบายที่มาที่ไปได้ยากจริง ๆ อย่างคลิปวัยรุ่นนี้ จริง ๆ ก็มีมานานแล้ว แต่ก็ไม่ทราบจริง ๆ ว่าทำไมถึงเพิ่งมาดังตอนนี้ จุดนี้ก็เชื่อว่า อาจมีการนำคลิปไปอัพใหม่ใน Tiktok เมื่อไม่นานนี้ จากนั้นก็กลายเป็นกระแสจนปัจจุบัน

ทฤษฏี Meme

“This Is Fine” โดยเว็บคอมมิค http://gunshowcomic.com/648

ขอเป็นหัวข้อสุดท้ายแล้ว (ก่อนจะยาวไปมากกว่านี้ซะก่อน) ต่อไปลองมาดูทฤษฏีของ Meme กันหน่อย จุดร่วมอย่างหนึ่งของ Meme ที่แทบจะเหมือน ๆ กันหมดคือ “ความตลก” ทุก Meme มักจะมีความตลกแฝงอยู่เสมอ จะตลกฮาหรือตลกร้ายก็มีหมด และนอกจากความตลกแล้ว ก็ยังต้องมี “ความง่ายต่อการจดจำ” ด้วย

เอาตรง ๆ ทั้ง 2 อย่างนี้ เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่ายเลย ปัจจุบันโลกอินเทอร์เน็ตมันไปไกลมาก และมักมีสิ่งดึงดูดความน่าสนใจมากมายมหาศาล จากที่สังเกตมาพักใหญ่ ๆ เกี่ยวกับ Meme แล้ว ก็ค้นพบจุดร่วมที่สำคัญสุด ๆ เลยคือ “ความบังเอิญ” บังเอิญดัง บังเอิญปัง บังเอิญไม่ได้ตั้งใจทำให้ดังหรือปัง แต่มันก็เป็นไปแล้ว…

ถ้าจะสร้าง Meme แบบ Original นั้นยาก แต่เอา Meme อื่น ๆ ที่มีมาสร้างคำเอง แล้วนำไปโพสต์ขำ ๆ ก่อนได้ง่าย ๆ ด้วยการ Search Google แล้วพิมพ์คำว่า “Meme Templates” ก็จะเจอ Meme เปล่า พร้อมแปลงไปลงในโซเชียลได้ง่าย ๆ แล้วครับ

“Laughing Leo” โดย Leonardo DiCaprio

ตอนนี้ถ้ามีใครคิดอยากจะแปลงตัวเองเป็น Meme ระดับครองโลก แล้วนำไปขายเป็น NFT ให้ได้เงินเยอะ ๆ แบบ Disaster Girl พูดตรง ๆ เลยว่า ยากส์ ต้องอาศัยความบังเอิญล้วน ๆ หรือใช้ระยะเวลาที่อานจะนานจนลืมไปเลย ไว้ถ้ามีโอกาส ว่าจะมาเขียนเกี่ยวกับกรณี NFT และมีใครบ้างที่นำ Meme ตัวเองมาขาย ซึ่งนอกจาก Disaster Girl ก็ยังมีเจ้าของ Meme รายอื่นมาขาย และได้เงินเยอะกว่า อีกทั้งเป็นภาพกราฟฟิก ไม่ใช่ภาพตัวเองด้วย สุดท้ายก็ขอจบเรื่อง Meme แต่เพียงเท่านี้ครับ : D