รีวิว : Sony Xperia XZ1 อัพเกรดไปอีกขั้น กับฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ

รีวิว Sony Xperia XZ1 สมาร์ทโฟนระดับเรือธงตัวใหม่ล่าสุดจาก Sony มาพร้อมสเปก Qualcomm Snapdragon 835 และฟีเจอร์กล้องสแกนใบหน้าหรือวัตถุแบบ 3 มิติ ว้าวไม่ว้าวมาดูกัน

อาจเรียกได้ว่าเป็น “รุ่นทิ้งท้าย” ก่อนเปลี่ยนดีไซน์ใหม่เป็น [จอไร้ขอบ] ในปีหน้าแล้ว ซึ่งหมายความว่า Xperia XZ1 คือ (OmniBalance) ตัวสุดท้าย หลังใช้มานานกว่า 4 ปีกันเลย สำหรับ XZ1 ตัวนี้ ก็ได้อัพสเปกตามรุ่น Top สุดอย่าง Xperia XZ Premium ซึ่งขับเคลื่อนขุมพลังโดย Qualcomm Snapdragon 835 กับแรม 4GB และรอม 64GB พร้อมปรับปรุงจุดด้อยหลาย ๆ อย่างจากรุ่นที่แล้วด้วย ทั้งนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดอย่าง “กล้องสแกนใบหน้าหรือวัตถุแบบ 3 มิติ” หรือ 3D Creator ที่ดูน่าสนใจไม่น้อย ตัวเครื่องจะดีกว่าเดิมขนาดไหน มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหม มาติดตามกันครับ

สเปก Sony Xperia XZ1

Display : ขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด Full HD พร้อมเทคโนโลยี HDR10 compliant, Triluminos display, X-Reality Engine, 423 ppi และ Gorilla Glass 5
CPU : Qualcomm Snapdragon 835
GPU : Adreno 540
RAM : 4GB
ROM : 64GB รองรับ SD Card 200GB
Main Camera : กล้องหลัง 19 ล้านพิกเซล Motion Eye ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.3 นิ้ว มี AF sensor และรูรับแสง f/2.0
Front Camera : กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.06 นิ้ว และรูรับแสง f/2.0
Battery : Li-Ion 2,700 mAh รองรับ QuickCharge 3.0
Connect : USB 3.1 Type-C, 3.5mm headset, NFC, DNLA และ Nano SIM
Wireless : Wi-Fi 802.11
Network : LTE Cat 16, 4CA, 4×4 MIMO
ขนาดตัวเครื่อง : 148 x 73 x 7.4 mm
น้ำหนัก : 156 g
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP65/IP68
ระบบปฏิบัติการ : Android 8.0 Oreo
สีให้เลือก : LBlack, Warm Silver, Venus Pink, Moonlit Blue

วัสดุและดีไซน์

ตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอ 5.2 นิ้ว ขนาด 148 x 73 x 7.4 มม. พอดีมือ หนัก 156 กรัม นับเป็น Size ยอดนิยมจากตระกูล Xperia หลายซีรีย์

การออกแบบยังคงสไตล์ OmniBalance ที่เน้นความสมมาตร ขอบบนกับขอบล่างเว้นว่างพอกัน ขึ้นรูปด้วยโลหะชิ้นเดียว (Unibody) ตำแหน่งปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่มชัดเตอร์ไปอยู่ด้วยกันด้านเดียว อีกด้านก็เป็นช่องใส่ซิม/micro SD และสุดท้ายการออกแบบขอบให้มีเส้นโค้งบรรจบกันเป็นวงแบบ Loop Surface เหมือนรุ่นก่อน ๆ  แต่สำหรับตัว XZ1 นี้ มีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยคือ

ขอบมีความโค้งมนยิ่งขึ้น รุ่นก่อน ๆ จะออกเหลี่ยมนิดหน่อย แต่รุ่นนี้ขอบกลมมาเลย

นอกจากขอบจะโค้งมากขึ้นแล้ว ยังมีการเล่นลวดลายเพิ่มเติมด้วย โดยมีด้วยกันทั้งหมด 3 จุด ยกเว้นตำแหน่งปุ่มชัดเตอร์ เป็นจุดเดียวที่ไม่มีลวดลายนี้

หน้าจอเคลือบด้วยกระจกกันรอยอย่างดีจาก Gorilla Glass 5

ถาดใส่ซิมแบบ Hybrid ที่ชวนปวดหัวเหมือนเคย คือรุ่นนี้มันรองรับ Dual Sim ใส่ซิมได้ 2 ตัว แต่แลกกับไม่ได้ใส่ micro SD Card สำหรับใครที่ใช้ซิมเดียวอยู่แล้ว ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะตัวเครื่องมีถาดสำหรับใส่ Nano sim แยกต่างหากให้อีกหนึ่งช่องเลย

สำหรับสีของตัวเครื่องที่ได้มารีวิวนี้คือ Moonlit Blue หรือสีฟ้าอมแสงจันทร์ (มั่งนะ…)

มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP65/IP68 ไม่ต้องกลัวน้ำเข้าหรือฝุ่นเข้าเครื่อง

ซอฟต์แวร์

สำหรับ XZ1 ตัวที่รีวิวนี้ ก็มาพร้อม มาพร้อม Android 7.1 ครอบทับด้วย UI จาก Sony การใช้งานก็ลื่นไหลและสวยงามเหมือนเคยครับ

ในส่วนเมนูตั้งค่ามีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย โดยเอาหัวข้อตั้งค่าที่จำเป็นมาเรียงให้เห็นก่อนหน้าแรกเลย

ฟีเจอร์เด่น

มาถึงส่วน 3D Creator หรือ “ครีเอเตอร์ 3 มิติ” ของเล่นใหม่ของรุ่นนี้แล้ว สำหรับฟีเจอร์นี้ คือตัวช่วยสแกนใบหน้าหรือวัตถุให้อยู่ในรูปแบบไฟล์ 3 มิติ เพื่อนำไปปริ้นในเครื่องพิมพ์ 3D หรือแชร์โชว์เพื่อน ๆ ในโซเชียลก็ได้ โดยทาง Sony เอง ก็ระบุว่า จะมีเกมหรือแอพฯ มาใช้ร่วมกับลูกเล่นนี้ได้ในอนาคตด้วย

ในการใช้งานครั้งแรก มันจะให้เราดู Tutorial หรือวิธีใช้งานตัวแอพฯ ก่อน โดยมาเป็นคลิปวิดีโอสอนให้ดูเข้าใจง่าย สำหรับฟีเจอร์นี้ ก็จะแบ่งการใช้งานหลัก ๆ เป็น สแกนใบหน้า กับ สแกนวัตถุ ในตอนแรกมันจะสอนวิธีสแกนใบหน้าก่อนเลย (ข้ามไม่ได้….)

ส่วนการใช้งานนั้น มันจะแบ่งการสแกนออกเป็น 4 แบบ อาทิ ภาพสแกนใบหน้า (แบบ 180 องศา), ภาพสแกนศรีษะ (360 องศา), ภาพสแกนภาพอาหาร และภาพสแกนแบบอิสระ เริ่มแรกมันจะให้เราหัดใช้การสแกนใบหน้าแบบ 180 องศาหรือสแกนใบหน้าแบบตรง ๆ ก่อน เมื่อเปิดกล้องก็จะเห็นจุดสีเขียวปรากฏขึ้นมา ให้เราแพลนกล้องตามเซนเซอร์ไปในทิศทางที่กำหนด เมื่อสแกนจนครบแล้ว ระบบจะประมวลจำลองโครงหน้าคล้ายรูปปั้นสีเขียว มันจะให้เราเก็บรายละเอียดตรงนี้อีกรอบหนึ่ง

หลังสแกนใบหน้าหรือวัตถุแล้ว มาก็จะเซพเป็นไฟล์ 3 มิติ ให้เราหมุนดูได้แบบ 360 องศาหรือจะซูมเข้าซูมออกได้อิสระตามนี้ครับ สำหรับฟีเจอร์นี้บอกตรง ๆ เลยว่า “ใช้ยาก” กว่าจะสแกนติดก็พลาดหลายรอบ จนสุดท้ายไม่อาจเอามาลงได้ สงสารนางแบบ….

อีกฟีเจอร์หนึ่งที่ไม่นึกว่าจะมีคือ “เลือกภาพที่ดีที่สุด” ตอนเทสกล้องก็เปิดโหมด Superior Auto ถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ตั้งค่าอะไรเป็นพิเศษ กระทั้งกลับมาเปิดอัลบั้ม ก็พบว่าบางภาพ มีไอคอนนี้บางอย่างโผล่ออกมา เมื่อจิ้มเข้าไปก็พบกับภาพถ่ายแบบเดิม แต่มีช็อตแตกต่างกัน 4 แบบให้เลือก !! ให้เราสามารถเลือกภาพถ่ายที่คิดว่าตรงจังหวะมากสุดเพิ่มเติมได้ด้วย (โอ้ My) ตรงนี้คิดว่าทาง Sony น่าจะแอบเอาระบบ AI มาช่วยประมวลผลภาพอย่างลับ ๆ โดยไม่โฆษณาฟีเจอร์นี้ให้เด่น ๆ  ……..ค่ายอินดี้นี้มันอินดี้จริง ๆ ครับ

ประสิทธิภาพ

สำหรับขุมพลังหลักที่ XZ1 ใช้ ก็คือหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 835 ที่สามารถทำคะแนนจากแอพฯ Aututu ได้ถึง 165,471 และแอพฯ 3D Mark : Sling Shot Extreme ได้ถึง 3524 กันเลย (Galaxy S8 อยู่ที่ประมาณ 3,800) ส่วน Rom ก็ทำคะแนนได้ไป Read = 660 MB/s และ Write = 199 MB/s ในระดับ Rom แบบ UFS 2.1 ตัวใหม่ล่าสุด

เทสเกม Honkai Impact 3 แบบปรับกราฟฟิกสุดทุกอย่าง ก็เล่นได้อย่างลื่น ๆ ไม่มีกระตุก

สำหรับหน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว พร้อมความละเอียด 1080p หรือ Full HD ก็เป็นไปตามภาพ ด้วยเทคโนโลยี HDR10 compliant และ Triluminos สามารถแสดงผลได้สวยงามเต็มตาทีเดียว

กล้อง

ในส่วนของกล้อง ตัวเครื่องก็ใช้สเปกเหมือน Xperia XZ Premium แบบเดียวกันเป๊ะ อย่างความละเอียด 19 ล้านพิกเซล ขนาดเลนส์ 1/2.3 นิ้ว รูรับแสง f/2.0 มาพร้อมเซ็นเซอร์ Exmor RS และระบบจับภาพอัจฉริยะ Predictive Capture จากที่เคยเทสในรุ่นก่อนหน้า ก็สังเกตได้ว่าตัวกล้องสามารถถ่ายภาพกลางคืนหรือแสงน้อยได้ดีขึ้น และจับภาพเคลื่อนไหวได้อยู่หมัดกว่าเดิมด้วย

หน้าตา UI ของแอพฯ กล้องจาก Sony ก็แทบไม่ต่างจากรุ่นก่อน ๆ ใครที่เคยใช้สมาร์ทโฟนจากค่ายนี้มาแล้ว ก็น่าจะคุ้นเคยกันดี แต่ทั้งนี้ในโหมด Superior Auto สามารถปรับอุณภูมิสีได้เพิ่มเติมมากขึ้น และโหมด Manual Mode สามารถปรับค่า ISO พร้อมกับ Speed Shutter ได้แล้ว (น้ำตาจะไหล…)

โหมดถ่ายวีดีโอ สังเกตได้ว่า ตัวเลือกวิดีโอ 4K สามารถเลือกในหน้าตั้งค่าเดียวกับ Full HD @30 fps และ @60 fps ได้แล้ว ทำให้ตั้งค่าการถ่ายได้มากขึ้น ไม่ต้องไปเลือกในไอคอน Apps ที่แทบตั้งค่าอะไรไม่ได้เลยเหมือนก่อน

ฟีเจอร์ Super Slow Motion หรือถ่ายภาพสโลโมชั่นในความละเอียด 960 เฟรมต่อวินาที (FPS) สังเกตว่าเวลาถ่าย มันจะ Crop หน้าวิดีโอให้เล็กลงจากเดิม ฉะนั้นใครที่จะถ่าย อย่าลืมเว้นระยะที่จะถ่ายจากเดิมด้วยนะ ส่วนตัวอย่างเป็นไง ไปดูได้ในรีวิว Xperia XZ Premium เลยครับ

ตัวอย่างภาพถ่าย 

ลองถ่ายภาพวัตถุไปหลายภาพ ตัวกล้องก็สามารถถ่ายทอดสีสัน (ในโหมด Superior Auto) ได้สวยงามดีครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายพาโนรามา

สรุป

สัมผัสแรกที่พบก่อนเลยคือ ขอบเครื่องที่โค้งมนได้ใจ มันดูสมกับคำว่า Loop Surface มากที่สุด เท่าที่ผมเคยลองจับสมาร์ทโฟน Sony มาหลายรุ่นเลยครับ อาจเรียกได้ว่าเป็น OmniBalance ที่สมบูรณ์ที่สุดก็ว่าได้ ด้านวัสดุที่เป็นโลหะก็เป็นโลหะจริง ๆ ดูไม่เป็นโลหะผสมพลาสติกเหมือนรุ่นก่อน ๆ ด้วย สำหรับประสิทธิภาพก็ดีงามตามตำแหน่งสมาร์ทโฟนระดับ Hi-End เล่นเกมกินสเปกหนัก ๆ ได้นานโดยไม่ร้อนมือ แบตฯ ก็ใช่ได้แบบเต็มที่เลยหนึ่งวัน

ด้านคุณภาพกล้อง ตรงนี้บอกก่อนว่าผมแทบไม่ได้เทสการถ่ายวิดีโอกับฟีเจอร์ Super Slow Motion มากนัก เพราะดูแล้วมันไม่ต่างจากรุ่น XZs หรือ XZ Premium มากนัก (อยากรู้ว่าเป็นไง ไปดูรีวิวได้ที่นี้) จึงไม่ได้นำมาใส่ในรีวิวนี้ แต่ไปจัดหนักตรง “การถ่ายภาพกลางคืน” แทน หลังพบว่าถ่ายได้ดีขึ้นตอนเทส XZ Premium เลยขอลองกับรุ่นนี้แบบไม่ให้คาใจ ก็พบว่ามันดีกว่าเดิมจริง จัดการ Noise ได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนฟีเจอร์ 3D Creator ก็เป็นลูกเล่นที่น่าสนใจดี แต่คงไม่ได้ใช้งานบ่อย ๆ เพราะใช้งานยุ่งยากกว่าที่คิด โดยเฉพาะการใช้ครั้งแรก ต้องผ่านด่าน Tutorial หลายตอนกว่าจะได้ใช้งานจริง ๆ

สุดท้ายกับราคาตัวเครื่อง Sony Xperia XZ1 ณ ตอนนี้อยู่ที่ 22,990 บาท ตามสไตล์สมาร์ทโฟนระดับเกือบ Top สุด และเป็นรุ่นยอดนิยมสุดของค่ายนี้แล้วครับ

ข้อดี

  • ขอบโค้งดีงาม เรียกว่าเป็น Loop Surface ได้เต็มปาก
  • งานประกอบแข็งแรงทนทาน วัสดุเป็นโลหะทั้งตัวจริง ๆ แล้ว
  • ขนาดหน้าจอ 5.2 นิ้วจับถือสะดวก และหน้าจอ Full HD คือดีงาม
  • สเปกแรง ใช้งานหนัก ๆ ได้ไม่มีปัญหา โดยเครื่องไม่ร้อนมือมาก
  • UI มีการจัดระเบียบนิดหน่อย แต่ยังคงลื่นไหลใช้งานสะดวก
  • กล้องดึงสเปกจากรุ่น XZ Premium มาเต็ม ๆ
  • แบตฯ อึดถึกทนมากขึ้น

ข้อสังเกต

  • ไม่มีกล้องหน้า Ultra Wide แบบรุ่น XZ1 Compact
  • 3D Creator ใช้งานยาก และคงไม่ค่อยได้ใช้
  • ขอบกล้องนูน…