ผลสำรวจ ARM Survey พบว่า หุ่นยนต์จะช่วยมนุษย์ทำงาน แต่ไม่ได้ทำงานแทนมนุษย์

การสำรวจอิสระของ ARM ด้วยการสอบถามผู้บริโภคเกือบ 4,000 คนทั่วโลกพบว่า มีผู้บริโภคเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เชื่อว่า AI จะเข้ามาแทนที่การทำงานของมนุษย์ จนก่อให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดแรงงาน เมื่อถามว่าในอนาคต AI จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้นในด้านในบ้าง ผู้บริโภค 30% บอกว่า ผลกระทบที่สำคัญที่สุดคือ “จะทำให้มนุษย์มีงานทำลดลงหรือทำงานที่ไม่เหมือนเดิม” อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้ารับการสำรวจยังคงมองโลกในแง่ดีว่า ในการทำงานส่วนใหญ่นั้น หุ่นยนต์จะเข้ามาช่วยเหลือมนุษย์มากกว่าแทนที่มนุษย์ โดยจะเข้ามาช่วยงานส่วนที่น่าเบื่อหรืออันตรายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Joyce Kim รองประธานฝ่ายการสื่อสาร แบรนด์ และการตลาดระดับโลกของ ARM กล่าวว่า “เป็นที่น่ายินดีที่ผลการสำรวจแสดงให้เห็นมุมมองในแง่บวกและโอกาสที่มีต่อ AI แต่นี่เป็นเพียงคำถามเกี่ยวกับศักยภาพเพียงส่วนน้อยของ AI เท่านั้น AI จะส่งผลต่อการทำงานอย่างแน่นอน แต่เป็นไปในระดับที่ควบคุมได้และเป็นผลกระทบในทางที่ดีมาก โดยจะเพิ่มโอกาสและยกระดับชีวิตของเรา หากเราลงทุนด้านสะเต็ม (STEM) เพิ่ม และส่งเสริมการศึกษาให้แรงงานสมัยใหม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI เพิ่มขึ้น เราก็จะสามารถสร้างความมั่นใจได้ว่า พวกเขาจะก้าวตามโลกเศรษฐกิจยุคหุ่นยนต์ได้ทัน”

Joyce Kim รองประธานฝ่ายการสื่อสาร แบรนด์ และการตลาดระดับโลกของ ARM กล่าวว่า “เป็นที่น่ายินดีที่ผลการสำรวจแสดงให้เห็นมุมมองในแง่บวกและโอกาสที่มีต่อ AI แต่นี่เป็นเพียงคำถามเกี่ยวกับศักยภาพเพียงส่วนน้อยของ AI เท่านั้น AI จะส่งผลต่อการทำงานอย่างแน่นอน แต่เป็นไปในระดับที่ควบคุมได้และเป็นผลกระทบในทางที่ดีมาก โดยจะเพิ่มโอกาสและยกระดับชีวิตของเรา หากเราลงทุนด้านสะเต็ม (STEM) เพิ่ม และส่งเสริมการศึกษาให้แรงงานสมัยใหม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI เพิ่มขึ้น เราก็จะสามารถสร้างความมั่นใจได้ว่า พวกเขาจะก้าวตามโลกเศรษฐกิจยุคหุ่นยนต์ได้ทัน”

ทั้งนี้ การสำรวจดังกล่าวจัดทำโดย Northstar Research Partners ร่วมมือกับ ARM โดยนักวิจัยทำการสำรวจเฉพาะผู้บริโภคที่พอมีความรู้เกี่ยวกับ AI อยู่บ้าง จากนั้นจึงประเมินความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 4,000 คนจากประเทศสหรัฐ สหราชอาณาจักร สวีเดน เยอรมนี จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

ผู้เข้ารับการสำรวจเชื่อว่า เทคโนโลยี AI ใหม่ ๆ จะเข้ามามีบทบาทในภาคการผลิตและการธนาคารมากที่สุด ขณะที่อาชีพเกี่ยวกับการทำอาหาร ดับเพลิง และเกษตรกรรมจะยังคงต้องใช้แรงงานมนุษย์ สำหรับความเห็นดังกล่าวมาจากความเห็นส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับอนาคตของหุ่นยนต์ โดยผู้บริโภคในเอเชียมีความคิดเห็นไปในแง่บวกมากที่สุด ตามด้วยสหรัฐและยุโรปตามลำดับ

สำหรับในภาพรวมนั้น ผู้บริโภคมีความเห็นต่ออนาคตในแง่บวกมากจนน่าประหลาดใจ โดย 61% เชื่อว่า “สังคมจะดีขึ้น” หากมีการนำระบบอัตโนมัติและ AI มาใช้งาน ผู้บริโภคยังสนับสนุนการใช้งานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการดูแลสุขภาพและวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังพร้อมมอบความไว้วางใจให้มีการนำเครื่องจักรมาวินิจฉัยโรค ขับรถ และเป็นเพื่อนคู่กายด้วย

สรุปการค้นพบที่สำคัญ: ประโยชน์และผลกระทบที่จะตกสู่ผู้บริโภค

หาก AI เข้ามามีบทบาทมากมายในชีวิตประจำวันจะก่อให้เกิดประโยชน์ใดมากที่สุดในอนาคต

– 37% เชื่อว่า พัฒนาการดังกล่าวจะช่วยเหลือมนุษย์ได้ เช่น ด้านวิทยาศาตร์และยารักษาโรค

– 29% เชื่อว่า หุ่นยนต์จะเข้ามาทำงานส่วนที่น่าเบื่อหรืออันตราย

– 19% เชื่อว่า จะลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ พร้อมยกระดับบริการในราคาที่ลดลง

– 11% มองว่า จะลดความเสี่ยงที่มนุษย์จะประสบอุบัติเหตุหรือเกิดความผิดพลาด

– 5% คิดว่าจะมีเวลาว่างมากขึ้น

หาก AI เข้ามามีบทบาทมากมายในชีวิตประจำวันจะก่อให้เกิดความเสียหายใดมากที่สุดในอนาคต

–  30% เชื่อว่า จะทำให้มนุษย์มีงานทำลดลงหรือทำงานที่ไม่เหมือนเดิม

–  20% เชื่อว่า เครื่องจักรจะเข้ามามีบทบาทในควบคุมชีวิตตนเองส่วนหนึ่ง

– 18% เชื่อว่า ในโลกออนไลน์จะมีการส่งผ่านข้อมูลมากขึ้น และอาจทำให้มีการขโมยข้อมูลมากขึ้น

– 12% มองว่า อาจก่อให้เกิดปัญหาสังคม เนื่องจากมนุษย์มีโอกาสลดลง หรือรู้สึกไร้ประโยชน์ หรือมีเวลาว่างมากเกินไป

– 11% เชื่อว่า เครื่องจักรจะมีอิสรภาพมากขึ้น และสามารถคิดเองได้

– 9% เชื่อว่า อาจมีการสร้างความสัมพันธ์กับเครื่องจักรมากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์

ที่มา businesswire

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here