ท้าพิสูจน์ความเจ๋ง C40 รถยนต์ไฟฟ้า ค่าย Volvo

Techhub insight พาไปทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าล้วน Volvo C40 Pure Electric ใครที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าล้วน และพอมีงบ ต้องบอกเลยว่า วอลโว่ C40 Recharge รุ่นนี้ ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การขับขี่ในเมืองร้อนอย่างบ้านเรา เพราะเค้าทดสอบประสิทธิภาพความทนอุณหภูมิของแบตเตอร์รี่มาเป็นอย่างดี ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ จากแรงดันไฟฟ้าที่ผิดปกติ

“เพราะหัวใจของรถยนต์ไฟฟ้าคือการระบายความร้อน และควบคุมอุณหภูมิ ของตัวแบตเตอรี่ ขณะชาร์จไฟเข้าและดึงไฟออกซึ่งทำให้เกิดความร้อนขึ้น ระบบของรถยนต์ไฟฟ้าจึงสำคัญมาก ต้องควบคุมอุณหภูมิ ให้อยู่ที่ 20 – 35 องศาเซลเซียล เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่” ถนอมศักดิ์ สันทนาประสิทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารประสบการณ์ลูกค้า บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด อธิบาย

ต้องยอมรับว่าวันนี้เทคโนโลยีรถไฟฟ้าไปไกลพอสมควร อย่างประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อน การพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟฟ้าจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของแบตเตอรี่ ทั้งขณะชาร์จไฟเข้าและดึงไฟออก ซึ่งทำเกิดความร้อนขึ้น การควบคุมอุณหภูมิของตัวแบตเตอรี่ระบบทั้งหมดจึงสำคัญมาก 

“อุณหภูมิในการใช้งาน ของตัวแบตเตอรี่ ที่จะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ไปได้ยาวไกล ต้องอยู่ที่ประมาณ 20  องศาเซลเซียล ไม่ควรเกิน 35 องศาเซลเซียล เพราะฉะนั้นระบบของรถจะถูกออกแบบและทดสอบมาในตลาดบ้านเราในลักษณะโซนร้อน เพื่อคุมอุณหภูมิของแบตเตอรี่ให้อยู่ในช่วงเรนจ์ที่ปลอดภัย ทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยาว ไปแบบเหมือนที่วอลโว่กล้าที่จะรับประกัน 8 ปี 150,000 กิโลเมตร” เขาอธิบาย

 

 

เพราะหัวใจของรถไฟฟ้าคือการควบคุมอุณหภูมิ การจะใช้ไฟฟ้ามากหรือเปลืองขึ้นอยู่กับการขับ แต่การระบายความร้อนคือหัวใจหลักของรถไฟฟ้า นั่นเป็นปัจจัยที่ทำให้วอลโว่ ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะรถทุกคนที่ใช้อยู่บนท้องถนนโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุ แล้วตัวแบตเตอรี่ไฟฟ้าระดับ 400 โวลต์ มีอนุภาพแรงดันสูงพอสมควร 

ส่วนเรื่องความปลอดภัยของผู้ขับขี่ วอลโว่ได้ให้ความสำคัญเช่นกัน โดยติดตั้งระบบล็อกเข็มขัดนิรภัย ยึดตัวผู้ขับขี่ให้ติดกับเบาะ ที่ควบคุมด้วยเซนเซอร์ เมื่อตกอยู่ในสภาวะฉุกเฉิน 

“ยกตัวอย่างระบบถุงลมทำงานปุ๊บ ระบบจะสั่งตัดพลังงานไฟฟ้าจากตัวแบตเตอรี่ และป้องกันพลังงานไฟฟ้าให้อยู่เฉพาะในตัวแบตเตอร์รี่ ไม่มีการปล่อยไฟฟ้าออกมาข้างนอก นั่นหมายความว่าเวลาหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วย ก็จะได้รับความปลอดภัย ในระดับหนึ่ง คนใช้รถอยู่ในรถก็จะได้รับความปลอดภัยเพราะว่า ไฟฟ้าแรงสูงการันตีว่าไม่รั่วออกมา คือหัวใจหลักที่เป็นคีย์หลักของตัวรถไฟฟ้า ต้องมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์” ถนอมศักดิ์ อธิบาย

 

ระบบแอคทีฟเซฟตี้จะช่วยลดการบาดเจ็บ แถมมาพร้อมระบบขับขี่สุดไฮเทค ปรับให้ใช้งานง่าย ขับไกลแค่ไหนก็เอาอยู่ โดยรถรุ่นใหม่ๆ จากค่ายวอลโว่จะมีตัวเซฟตี้ บริเวณช่วงล่างด้านหน้ารถมีเซนเซอร์วัดว่ารถตอนนี้ลอยจากพื้นถนนแค่ไหน ถ้าเซนเซอร์ตรวจสอบเจอว่ารถตอนนี้กำลังเหินขึ้นบนอากาศ สิ่งแรกที่ระบบจะทำคือดึงเซฟเบลท์รัดให้คนนั่งด้านหน้าแน่นติดกับเบาะ เพื่อลดระยะการเคลื่อนที่ของผู้โดยสารตอนหน้า เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเซฟตี้เบลล์จะช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ นี่คือสิ่งแรกที่ระบบแอคทีฟเซฟตี้ขั้นต้น

สำหรับคนที่พอมีงบ และกำลังมองหารถไฟฟ้า ที่ตอบโจทย์การใช้งานทั้งเรื่องประหยัดพลังงาน และสมรรถะที่ไว้ใจได้ วอลโว่ เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจครับ