ส่องจุดเด่น Huawei Mate 10 Pro น่าซื้อไหม กับราคา 27,900 บาท

Huawei จัดรอบพรีวิว Huawei Mate 10 Pro ให้สื่อมวลชนไทยได้ยลโฉมเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผมเองได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วย มาดูกันครับว่า flagship จาก Huawei จะมีจุดเด่นอะไรที่่น่าสนใจและจะเปิดจองเมื่อไหร่ ?

ตัวเครื่อง

Huawei Mate 10 Pro

จากภาพตัวเครื่องด้านหลัง Huawei Mate 10 Pro จะเห็นว่าด้านหลังเปลี่ยนมาใช้กระจกแทนที่ของโลหะ แตกต่างไปจาก Mate 9 เมื่อกระทบกับแสงแล้วจะให้ความรู้สึกสวยงามกว่ารุ่นก่อนหน้าเยอะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องบอกตามจริงครับว่า การที่ฝาหลังเป็นกระจกก็เกิดรอยนิ้วมือได้ง่าย อย่างตัวเครื่องสี Mocha Brown นี้ ก่อนจะถ่ายภาพก็ต้องมีการเช็ดฝาหลังกันก่อนเล็กน้อยครับ

นอกจากนี้ถ้าสังเกตขอบด้านซ้ายและขวาของฝาหลังจะพบว่ามีลักษณะโค้งเล็กน้อย เป็นลักษณะที่เรียกว่า 3D Curved Design เพื่อการหยิบจับได้กระชับมากขึ้นครับ

ด้านหน้าใช้กระจกเป็นส่วนประกอบเช่นเดิมครับ อาจจะรู้สึกคล้าย ๆ Mate 9 หน่อย ๆ แต่ Huawei ให้ข้อมูลว่าการผลิตนั้นมีเลเยอร์ถึง 5 ชั้น เพื่อลดการแตกร้าวในกรณีร่วงหล่นพื้นครับ ขณะเดียวกันอัตราส่วนหน้าจอยังมาพร้อม 18:9 ที่กำลังเป็นเทรนด์ของสมาร์ทโฟนในตอนนี้ ภายใต้ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ พร้อมกับพื้นที่ของจอแสดงผลยังคิดเป็น 81.61% ของตัวเครื่อง มากกว่า iPhone X ด้วยซ้ำครับ

กล้อง

เรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์ของ Huawei มาโดยตลอด สำหรับการถ่ายภาพ โดยใน Mate 10 Pro ยังใช้กล้องหลังคู่ที่มากับเทคโนโลยี Leica แต่ความพิเศษที่พัฒนาขึ้นเป็นรูรับแสงที่ f/1.6 ช่วยในการรับแสงและถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีมากยิ่งขึ้น ภายใต้ความละเอียดของกล้องหลังคู่ 20 ล้านพิกเซล monochrome + 12 ล้านพิกเซล color แถมกันสั่นด้วย

จากภาพนี้ผมนำกล้องไปจ่อที่ใบหน้าบุคคล ระบบจะโฟกัสให้อัตโนมัติ และบริเวณด้านซ้ายจะเห็นว่ามีไอคอนรูปคนขึ้นมา ซึ่งเป็นผลจากความฉลาดของ NPU หรือระบบ AI ที่สามารถตรวจจับได้ว่าภาพที่เรากำลังจะถ่ายเป็นสิ่งใด

ความพิเศษต่อที่ 2 เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง NPU หรือระบบ AI ภายในชิพประมวลผล Kirin 970 กับกล้องถ่ายภาพ ทำให้กล้องของ Mate 10 Pro มีความฉลาด สามารถตรวจจับวัตถุ, บุคคล, สภาพแสง พร้อมปรับไปใช้โหมดที่เหมาะสมได้อัตโนมัติ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่เก่งด้านการถ่ายภาพ

ภาพนี้ทดลองถ่ายในจุดที่มีแสงน้อย จะเห็นว่ามีรูปพระจันทร์เสี้ยวแสดงขึ้นมา นี่ก็เป็นผลจากความฉลาดของ NPU หรือระบบ AI ที่สามารถตรวจจับสภาพแสงในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้

PC Mode

อีกหนึ่งลูกเล่นที่เติมเข้ามาใน Mate 10 Pro สามารถต่อกับจอมอนิเตอร์ เพื่อการใช้งานเสมือนคอมพิวเตอร์จริง ๆ ได้ ผมได้มีโอกาสชมการสาธิตการใช้งานเบื้องต้น บอกได้เลยครับว่า “ง่ายมาก ๆ” เพียงใช้สาย USB Typ-C พร้อมสายที่เป็น HDMI ต่อเข้ากับจอมอนิเตอร์ จากนั้นจะมีการแจ้งเตือนเข้ามาที่ Mate 10 Pro เพื่อให้เราเลือกว่าจะใช้งานแบบ screen mirroring หรือการส่งหน้าจอจากสมาร์ทโฟนให้แสดงผลบนจอมอนิเตอร์ และการทำงานในโหมด “เดสก์ทอป” ซึ่งในรูปแบบของการแสดงผลจะเสมือนคอมพิวเตอร์จริง ๆ แถมยังสามารถตั้งค่าให้ Mate 10 Pro เป็นเมาส์และคีย์บอร์ดได้ด้วย

การใช้งาน PC Mode แบบ screen mirroring

การใช้งานในโหมดเดสก์ทอป

แปลภาษาแบบไม่ต้องต่อเน็ต

อีกความฉลาดจากการใช้ NPU หรือระบบ AI จะช่วยให้ผู้ถือ Mate 10 Pro สามารถแปลภาษาได้ง่าย ๆ แม้ไม่ต้องต่อเน็ต ซึ่งจะมีแอปฯ แปลภาษามาให้ เมื่อจะใช้งานเพียงเปิดแอปฯ > เลือกภาษาที่ต้องการให้แปล > ถ่ายภาพรูปหรือภาษาที่ต้องการให้แปล และจากนั้นระบบจะทำการแปลให้อัตโนมัติ ซึ่งทีมงานของ Huawei อธิบายว่าสามารถแปลได้เป็นประโยค ๆ เลยครับ

กันน้ำ

ฟีเจอร์สุดท้ายที่ผมหยิบมาฝากกันเป็นเรื่องกันน้ำครับ ซึ่ง Mate 10 Pro มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำได้ลึกสูงสุด 1 เมตร และกันฝุ่นได้

สุดท้าย ….

ราคา Huawei Mate 10 Pro อยู่ที่ 27,900 บาท โดยในช่วงแรกจะมีเพียงสองสีก่อน ได้แก่ Midnight Blue และ Mocha Brown ผู้อ่านที่สนใจสามารถสั่งจองได้ตั้งแต่วันที่ 18-26 พฤศจิกายน นี้ ซึ่งรายละเอียดการรีวิวแบบเต็ม ๆ ถ้าผมได้เครื่องมาเมื่อไหร่จะรีบรีวิวให้เร็วที่สุดครับ ส่วนผู้อ่านที่มีคำถามหรืออยากให้ทดสอบด้านไหนส่งคำถามทิ้งไว้กันได้เลยครับ