แรกสัมผัส iPad Pro รุ่น 32GB Wi-Fi ซึ่งทีมงาน aripfan ได้มีโอกาสมาทำความรู้จักกับ iPad จอยักษ์ ที่ร้าน iBeat by SPVI สาขาเอสพลานาด รัชดา โดยผู้สนใจสามารถสั่งซื้อได้แล้วผ่าน Apple Online Store หรือที่ช็อป iStudio และ iBeat
ใหญ่ยิ่งกว่า iPad ทุกรุ่นที่เคยทำมา ด้วยหน้าจอ 12.9 นิ้ว พกความบางมาที่ 6.9 มิลลิเมตร บางกว่า iPad Air 1 น้ำหนัก 712 กรัม เทียบเท่ากับ iPad ตัวแรก แต่ด้วยความกว้างและน้ำหนักคงไม่เหมาะนักที่จะใช้เพียงมือเดียว
หากไม่นับขนาดหน้าจอ ดีไซน์โดยรวมยังเป็นลักษณะที่ใกล้เคียงกับ iPad Air ทั้งวัสดุแบบ Unibody หรือการใช้โลหะเพียงชิ้นเดียวในการขึ้นรูป ส่งผลให้ตัวเครื่องมีความเรียบง่าย หรูหราตามสไตล์ Apple
ตำแหน่งปุ่มกดต่างๆ, พอร์ตเชื่อมต่อ ตำแหน่งลำโพงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ปุ่มโฮมรองรับการสแกนลายนิ้วมือ (Touch ID) ที่เพิ่มขึ้นมา คือ ช่องสำหรับต่อกับ Smart Keyboard ซึ่งจะเริ่มเข้ามาวางขายในเร็วๆ นี้
ระบบปฏิบัติการมาพร้อม iOS 9.1 ที่ตอบสนองต่อการทัชกรีนที่ลื่นไหล สัมผัสเพื่อเข้าใช้งานแอพพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งสามารถใช้งาน Multitasking หรือเปิดใช้งานสองแอพฯ พร้อมกันภายในหน้าจอเดียว
ส่วนของกล้องหลัง iSight มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, f/2.4 นอกจากถ่ายภาพนิ่ง ยังสามารถเลือกใช้โหมด Time-Lapse, Slow-Motion, Video, Square และ Panarama ได้
จุดเด่นของ iPad Pro แน่นอนมันคือ “ความใหญ่” ของหน้าจอ ถ้าเลือกใช้ด้านความบันเทิง เช่น ดูหนัง สามารถให้ทั้งความเพลิดเพลินและการรับชมที่เต็มตาได้ทั้งในบ้านหรือนอกสถานที่ แถมด้วยเสียงที่เปล่งออกจากลำโพงค่อนข้างดัง มีความหนักแน่น ให้รายละเอียดของเสียงได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งความโดดเด่นที่หลายคนพูดถึงคือ “Multitasking” จากการทดลองใช้พบว่า “ง่าย” ต่อการเรียกใช้หน้าจอที่สอง ซึ่งผู้ใช้ท่านใดที่ชอบใช้งานในลักษณะสองแอพฯ พร้อมกัน นับว่าตอบสนองได้รวดเร็วครับ
โดยรวมแล้ว iPad Pro ยังคงแสดงความเป็น Apple ชัดเจน แม้ขนาดจะใหญ่ขึ้น ตัวเครื่องกลับไม่ได้หนักมากอย่างที่หลายคนคิด แต่หากถือนานๆ ก็เมื่อยได้เหมือนกัน 555… ความละเอียด 2,732 x 2,024 พิกเซล (264ppi) สูงกว่า MacBook Pro (Retina Display) หน้าจอ 15 นิ้ว ให้การแสดงผลที่ความสวยงามและมีความคมชัด
หากถามว่าสมควรซื้อมั้ย ? คงต้องถามตัวเองก่อนครับว่าจะใช้ iPad จอใหญ่ไปเพื่ออะไร ถ้านำไปดูหนัง เล่น Facebook ตอบ LINE คงจะไม่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายออกไป แต่ถ้าตัวคุณเองต้องการใช้พิมพ์งานพร้อม Smart Keyboard พกพาไปนอกสถานที่เพื่อหาไอเดียใหม่ๆ สำหรับการออกแบบด้วย Apple Pencil หรือจะใช้เพื่อการตัดต่อ เจ้า iPad Pro ตัวนี้ก็นับว่าตอบโจทย์และมอบประสิทธิภาพ ความเสถียรได้เป็นอย่างดีครับ
ส่วน iPad Pro ที่วางขายแล้วในตอนนี้ จะเป็นรุ่น Wi-Fi ความจุ 32GB ราคา 30,900 บาท และ 128GB ราคา 36,900 บาท และในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะเริ่มมีการนำเข้า iPad Pro รุ่น Wi-Fi + Cellular มาวางขายในไทย โดยจะเป็นรุ่น 128GB ราคา 41,900 บาท
ขณะที่ Smart Keyboard ราคา 6,700 บาท และ Apple Pencil ราคา 3,900 บาท
ทั้งนี้ ขอขอบคุณ iBeat by SPVI สาขาเอสพลานาด รัชดา ที่อนุญาตให้ทีมงาน aripfan ได้ทดลองใช้งาน iPad Pro ครับ
