รีวิว ZTE Blade V7 Lite ไม่ต้องจ่ายแพงก็คุ้มได้ พร้อมทุกการใช้งาน

เป็นอีกครั้งที่แอดมินมีโอกาสสัมผัสกับสมาร์ทโฟนของ ZTE ค่ายดังจากประเทศจีน รอบนี้เป็นคิวของ ZTE Blade V7 Lite ที่ต้องบอกเลยว่าตอนแรกที่เห็นราคา 4,990 บาท ยังเฉยๆ แต่พอรู้ว่าเมื่อซื้อเครื่องกับ AIS พร้อมสมัครแพ็กเกจเน็ต “4G Smart Deal” เดือนละ 399 บาทขึ้นไป สามารถซื้อ ZTE Blade V7 Lite ได้ในราคาเพียง 1,990 บาท เท่านั้น อะไรมันจะถูกปานนั้น ! ว่าแล้วเรามาติดตามรีวิวกันเลยดีกว่าครับ

review-zte-blade-v7-lite

ZTE Blade V7 Lite มีสเปคดังนี้

– ตัวเครื่องใช้โลหะเป็นวัสดุหลัก มีความบางเพียง 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 135 กรัม

– หน้าจอ LCD IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD (1280 x 720 พิกเซล) กระจกหน้าจอแบบโค้ง 2.5D

– กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, มีระบบ autofocus และแฟลช LED

– กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED

– ชิปประมวลผล Mediatek MT6735P แบบ Quad-Core ความเร็ว 1.0 GHz

– รัน Android 6.0 Marshmallow

– แรม 2GB, หน่วยความจำตัวเครื่อง 16GB, รองรับ microSD ได้สูงสุด 256GB

– ใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด ประเภท Nano-SIM

– รองรับเครือข่ายในระบบ 3G และ 4G, Bluetooth 4.0, Wi-Fi : 802.11 b/g/n, Wi-Fi Direct, hotspot

– แบตเตอรี่ 2500mAh

การออกแบบ

review-zte-blade-v7-lite-01

หลังจากแกะกล่องออกมาสัมผัสแรกรู้สึกได้ถึงตัวเครื่องที่มีน้ำหนักเบามาก การออกแบบใช้โลหะเป็นวัสดุหลักซะส่วนใหญ่ ด้านหน้าเป็นกระจกแบบโค้ง 2.5D ภาพรวมที่ออกมาจึงมีความสวย ดูดีมีสง่า แถมถือใช้ได้คล่องมือ เบาสบาย

ด้านหน้าส่วนบนแบ่งเป็น Proximity sensor, ลำโพงสนทนา, กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มากับแฟลช LED ที่ช่วยถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย ถัดลงมาส่วนล่างมีปุ่ม Home ที่ระบุสัญลักษณ์แสดงไว้ชัดเจน ปุ่มย้อนหลับ ปุ่ม Recent app จะมีไฟสีฟ้าปรากฏขึ้นเมื่อเราไปสัมผัส แต่จะไม่มีสัญลักษณ์บอกไว้ว่าเป็นปุ่มอะไรต้องอาศัยการลองใช้และการจำด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันเราสามารถเข้าไปตั้งค่าเพื่อสลับตำแหน่งปุ่มย้อนหลับ ปุ่ม Recent app ได้ แต่ส่วนตัวของแอดมินมองว่าน่าจะทำสัญลักษณ์ให้เห็นกันชัดๆ ไปเลยน่าจะดีกว่า

อีกนิดนึงสำหรับการใช้ปุ่ม Recent app หากแตะหนึ่งครั้งจะเป็นการเรียกใช้เมนูวิตเจ็ต แต่ถ้าแตะค้างไว้สักครู่จะเป็นการเรียกดูแอพที่เปิดค้างไว้ครับ

review-zte-blade-v7-lite-02

ด้างหลังประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เลนส์มีลัษณะนูนขึ้นมา มีแฟลช LED ขยับลงมาเล็กน้อยจะเป็นปุ่มเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่จดจำลายนิ้วมือได้ถึง 5 นิ้ว ลำโพงด้านล่างที่เห็นแบ่งเป็น 2 ข้าง จากที่ทดสอบพบว่าเสียงจะออกจากข้างซ้ายข้างเดียว ส่วนอีกข้างจะทำหน้าบันทึกเสียงครับ สำหรับคุณภาพของเสียงนั้นถือว่าพอใช้ได้ เมื่อเปิดระดับเสียงจนสุดให้ความดังพอสมควร แม้จะวางทับเสียงที่ออกมายังนับว่าชัดและดังครับ

review-zte-blade-v7-lite-03

ด้านบนเป็นช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ล่างสุดเป็นพอร์ต microUSB 2.0 และรูไมโครโฟนขนาดจิ๋ว ด้านซ้ายตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ด้านขวาเป็นปุ่มพาวเวอร์ และถาดใส่ซิมที่รองรับ Nano-SIM ได้ถึง 2 ซิม พร้อมกับเป็นถาดใส่ microSD card ได้ แต่การจะใช้ microSD นั้นจะได้แค่ซิมเดียวเท่านั้น ก็ขึ้นอยู่ผู้ใช้ล่ะครับว่าต้องการเลือกแบบไหน

ซึ่งหน่วยความจำตัวเครื่อง (ROM) 16GB ถูกระบบใช้ไปแล้ว 5.32GB เหลือพื้นที่อีกประมาณ 10.68GB หากใครที่ชอบถ่ายภาพ โหลดแอพ โหลดเกม การเลือกใช่ microSD card น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลโดยที่ไม่ต้องเสียเวลามานั่งลบข้อมูลอยู่บ่อยๆ ครับ

ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow

ถือเป็นเรื่องดีที่สมาร์ทโฟนราคาประหยัดเช่นนี้มาพร้อมกับ Android 6.0 Marshmallow ที่ยังใหม่อยู่สำหรับหลายๆ คน User Interface ดูเป็นอะไรที่ทำออกมาเพื่อให้เกิดการใช้งานที่ง่าย ไม่มี App Drawer หรือหน้ารวมแอพเข้ามาทับซ้อน ไอคอนแอพทุกตัวที่มีมาให้แล้วหรือที่เพิ่งดาวน์โหลดจะถูกจัดเรียงไว้ในหน้า Homescreen สามารถย้ายไปตำแหน่งที่เรียกใช้สะดวก รวมแอพที่มีความคล้ายกันไว้ในโฟลเดอร์เดียวกัน หรือจะลบทิ้งก็ทำได้ง่ายๆ

ภายในแอพการตั้งค่ามีหลายเมนูให้เลือกปรับแต่งการใช้งานตามความพอใจ ส่วนทีน่าสนใจอย่างเช่น เกสเจอร์ & เคลื่อนไหว เป็นการใช้ท่าทางเป็นตัวเรียกใช้ฟังก์ชันต่างๆ, เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือทำได้มากกว่าแค่การปลดล็อคหน้าจอ ยังเป็นชัตเตอร์ถ่ายภาพ ใช้ปัดขึ้น-ลงเพื่อเปลี่ยนเพลง หรือเพิ่มระดับเสียงขณะคุยโทรศัพท์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามการใช้สแกนลายนิ้วปลดล็อคหน้าจอพบว่าบางครั้งยังไม่แม่นยำนัก สแกนแล้วไม่ติดในทันทีต้องยกนิ้วขึ้นแล้วแตะอีกรอบจึงจะปลดล็อคได้ และบางครั้งแตะแล้วกลับมีแจ้งเตือนว่าไม่รู้จัก ต้องทำซ้ำอีกรอบจึงสามารถปลดล็อคได้ครับ

ลองเล่นเกมกันดูบ้าง ช่วงที่แอดมินกำลังปั่นรีวิวอยู่นี้เกมที่ฮอตฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองก็ต้องยกให้ Pokemon Go ครับ การไล่ล่าโปเกมอน การเก็บไอเท็ม ถือว่า ZTE Blade V7 Lite ใช้งานได้ดี ภาพที่แสดงผลออกมาก็ชัดใช้ได้ แต่ก็มีอาการเครื่องอุ่นๆ ขึ้นมาบ้าง ก็เข้าใจได้ครับเพราะเปิดทั้งหน้าจอไว้นานๆ เปิด GPS, ใช้ Wi-Fi Hotspot ที่แชร์จากสมาร์ทโฟนอีกเครื่อง ซึ่งหลังจากหยุดเล่นก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติได้รวดเร็วครับ

review-zte-blade-v7-lite-0016

กล้องถ่ายภาพ

เรื่องสุดท้ายของการรีวิว ZTE Blade V7 Lite กับการถ่ายภาพ ด้วยกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ระบบ autofocus ยังไม่เร็วนัก มีเซนเซอร์วัดแสง การจับภาพและการเก็บลงในหน่วยความจำทำได้เร็วใช้ได้ครับ มีโหมด HDR, พาโนรามา, บิวตี้ และยิ้ม สามารถปรับเป็นโหมด Pro ได้ง่าย (อันนี้แล้วแต่คนชอบ) มีตัวเลือกปรับค่า ISO ได้ถึง 1600, มีเมนูปรับค่าชดเชยแสง, ปรับ White Balance รวมไปถึงความเร็วชัตเตอร์ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่กล้องถ่ายภาพในสมาร์ทโฟนราคาประหยัดมีลูกเล่นให้ใช้ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่น ที่มีราคาแพงกว่าครับ

โหมดถ่ายภาพ Auto
โหมด Pro

หากต้องการแค่ถ่ายแล้วอัพลง Facebook หรือส่งใน LINE ภาพถ่ายที่ออกมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้ แต่ไม่อยากให้หวังสูงครับว่าภาพที่เราถ่ายออกมาจะมีรายละเอียดของสีสันและความคมชัดในระดับที่ดีเลิศ ไม่ว่าจะกล้องหน้าหรือกล้องหลังก็ตาม ซึ่งอาจมีปัจจัยจากเซนเซอร์ที่นำประกอบภายในกล้องถ่ายภาพครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง

review-zte-blade-v7-lite-0030

บทสรุปรีวิว ZTE Blade V7 Lite

จากการใช้งานมาระยะหนึ่งโดยรวมแล้วถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นหนึ่งที่สามารถแนะนำพ่อแม่ญาติพี่น้องได้ครับ ด้วยราคาไม่เกิน 5,000 บาท มากับดีไซน์ที่ดูดีมีสง่า มีน้ำหนักเบา ง่ายต่อการหยิบถือ จะเล่นเกม ถ่ายภาพ ดูหนังก็โอเคใช้ได้ มีสแกนลายนิ้วมือที่มีลูกเล่นมากกว่าแค่ใช้ปลดล็อคหน้าจอ เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่จัดเต็มพอสมควร แต่การใช้งานบางอย่างก็ทำให้อารมณ์เสียได้ เช่น สแกนลายนิ้วมือที่ยังไม่แม่นยำนัก บางครั้งสแกนแล้วไม่ติดในทันทีต้องยกนิ้วขึ้นแล้วแตะอีกรอบจึงจะปลดล็อคได้ และบางครั้งแตะแล้วกลับมีแจ้งเตือนว่าไม่รู้จัก ต้องทำซ้ำอีกรอบจึงสามารถปลดล็อคได้ครับ

หากใครที่ไม่สนใจจุดด้อยนักล่ะก็ ลองดูนะครับกับ ZTE Blade V7 Lite ที่ปกติราคาเครื่องจะอยู่ที่ 4,990 บาท ถ้าซื้อเครื่องกับ AIS พร้อมสมัครแพ็กเกจเน็ต “4G Smart Deal” เดือนละ 399 บาทขึ้นไป สามารถซื้อ ZTE Blade V7 Lite ได้ในราคาเพียง 1,990 บาท เท่านั้น

ขอขอบคุณ ZTE ประเทศไทย สำหรับตัวเครื่องรีวิวในครั้งนี้ครับ

 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here